ข้อความต้นฉบับในหน้า
“แต่ยังมีอีกพวกหนึ่ง กล่าวยืนยันวิญญาณกสิณของอัตตามีสัญญาชนิดใดชนิดหนึ่ง
เหล่านี้ ที่เป็นไปล่วงชนิดทั้ง 7 ว่า หาประมาณมิได้”
ข้อความเช่นนี้ทำให้ทราบว่า การปฏิบัติกสิณเป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นหลักปฏิบัติของ
นักบวชในยุคแรกแม้ก่อนที่จะมีพระพุทธศาสนาและเป็นทางไปสู่การบรรลุอิทธิฤทธิ์และอภิญญา
รวมทั้งการถือกำเนิดในพรหมโลก แต่การปฏิบัติเช่นนี้ แตกต่างจากการปฏิบัติในพระพุทธ
ศาสนาเพราะพระองค์ก็ทรงเห็นว่าเป็นหลักที่ควรปฏิบัติแต่ยังไม่ทำให้เข้าถึงจุดมุ่งหมายอันสูงสุด
คือการบรรลุมรรคผลนิพพาน
1.2 ความหมายของกสิณ
คำว่า กสิณ (สันสกฤตว่า กฤตสน ) ตามศัพท์แปลว่า ทั้งหมด หรือ ทั้งสิ้น” หมายความ
ว่า สัญลักษณ์แต่ละชนิดจะต้องถือว่าเป็นตัวแทนทั้งหมด ซึ่งมีคุณสมบัติเหมาะสมกับส่วนที่
สอดคล้องกัน เมื่อกล่าวถึงในพระไตรปิฎก คำนี้จะมีความหมาย 3 ประการ คือ
1. มณฑลของกสิณ คือ วงกลมที่ใช้เป็นเครื่องหมาย
2. นิมิตของกสิณ คือ สัญญาณเครื่องหมาย หรือมโนภาพที่ได้รับจากการเพ่งเครื่องหมาย
3. ฌาน อันเป็นผลที่ได้รับจากนิมิตนั้น
1.2.1 มณฑลกสิณ
คำว่า มณฑล ตามศัพท์ หมายถึง วงกลม เป็นคำที่ใช้ในอรรถกถาทั้งหลาย เพื่อหมาย
ถึงเครื่องหมายแห่งกสิณ หรือสิ่งที่ทำขึ้น มณฑลของแผ่นดิน อาจเป็นเครื่องหมายตามธรรมชาติ
หรือสิ่งที่ถูกประดิษฐ์ขึ้น ตามที่ปฏิบัติกันมาในประเทศศรีลังกา สิ่งนี้อาจเป็นกรอบซึ่งทำมาจาก
ไม้ 4 ชิ้น ผูกติดกัน หรืออาจเป็นแผ่นกระดาน แผ่นหิน หรือ ที่ดินสักก้อนหนึ่งทำเหมือนนา
ที่ได้ไถไว้แล้วก็ได้ 3 อย่างหลังนี้ โดยปรกติจะแบ่งเป็นตอนๆ แต่ละตอน จะเป็นตัวอย่างกสิณ
มณฑลกสิณ ที่เป็นหินบางอย่างจะพบที่บริเวณสิ่งปรักหักพังในเมืองอนุราธปุรี วิธีการเตรียม
และการใช้มณฑลกสิณจะได้กล่าวในตอนที่ว่าด้วยเรื่องกสิณแต่ละอย่างต่อไป
มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์, มก. เล่มที่ 22 ข้อ 30 หน้า 39
* พระ ดร. พี วชิรญาณมหาเถระ, สมาธิในพระพุทธศาสนา, โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หน้า 116
3 พระ ดร. พี วชิรญาณมหาเถระ, สมาธิในพระพุทธศาสนา, โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หน้า 118
บ ท ที่ 1 ก สิ ณ 1 0
DOU 7