ข้อความต้นฉบับในหน้า
ส่วนปฏิภาคนิมิตจะปรากฏเป็นสภาพที่นิ่ง เหมือนพัดแก้วมณีที่วางไว้กลางแจ้ง หรือเหมือน
กระจกเงาที่ทำด้วยแก้วมณี ฉะนั้น ให้เพ่งนิมิตนี้ที่ศูนย์กลางกายตามลำดับ จนจิตรวมตกศูนย์
เข้าถึง “ดวงปฐมมรรค” เช่นเดียวกับปฐวีกสิณ
1.4.3 เตโชกสิณ (กสิณไฟ)
กสิณไฟ คือ การเพ่งเปลวเพลิง ผู้ที่เคยปฏิบัติมาในชาติก่อนๆ อาจเพ่งเปลวไฟในเตา
หรือกองไฟหรือที่ใด ๆ จนได้อุคคหนิมิตและปฏิภาคนิมิตตามลำดับ สำหรับผู้ที่จะทำกสิณไฟ
วิธีการทำดังนี้ คือ ต้องเตรียมการโดยก่อกองไฟ เอาไม้แห้งมาตัดเป็นท่อน ๆ แล้วจุดไฟให้ลุกโพลง
นำเสื่อลำแพนหรือแผ่นหนังมากั้นไว้หน้ากองไฟ เจาะช่องกลมโต ประมาณ 1 คืบ 4 นิ้ว แล้ว
นั่งเพ่งดูเปลวไฟ อย่าพิจารณาสีของเปลวไฟหรือเถ้าถ่านหรือควันไฟ แต่ให้กำหนดถึงความ
เป็นธาตุไฟ ขณะเพ่งเปลวไฟให้บริกรรมภาวนาว่า เตโชๆ ๆ หรือ ไฟ ๆ ๆ จนอุคคหนิมิต
ปรากฏขึ้นและได้ปฏิภาคนิมิต ตามลำดับ อุคคหนิมิตของเตโชกสิณจะปรากฏภาพเปลวไฟที่คุ
แต่อาจมีการพัดไหว ส่วนปฏิภาคนิมิตเปลวไฟจะนิ่ง มีสีใสสว่างหรือเป็นดวงนิ่งที่สว่างใส จน
ในที่สุดใจก็จะรวมตกศูนย์เข้าถึง “ดวงปฐมมรรค”
1.4.4 วาโยกสิณ ( กสิณลม )
ผู้เจริญภาวนาด้วยกสิณลม จึงจับเอานิมิตด้วยการที่ได้เห็นหรือได้ถูกต้องลม โดยการ
เจริญกสิณลมได้ต้องอาศัยการมองดูยอดไม้ ใบไม้ที่ลมพัดเอนไป หรือกำหนดปลายผมที่ลม
พัดให้ล้มลงหรือจะกำหนดตรงที่ลมพัดมาถูกต้องกายเรา เมื่อเห็นลมพัดใบไม้ ยอดไม้ หรือ
เห็นผมที่ถูกลมพัดอยู่ ก็ตั้งสติไว้ว่า ลมนี้ย่อมพัดถูก ณ ที่ตรงนั้น หรือตั้งสติไว้ตรงที่ที่ลมพัดเข้า
ทางช่องหน้าต่าง หรือทางช่องฝาแล้วมากระทบกาย พร้อมกับบริกรรมภาวนาว่า วาโย ๆ ๆ หรือ
ลมๆ ๆ จนเกิดอุคคหนิมิต เป็นลักษณะไอน้ำ น้ำตก หรือควันที่ไหวหวั่น แต่เมื่อได้ปฏิภาค
นิมิตจะไม่หวั่นไหว จะมีสภาพเป็นกลุ่มกอง เป็นเกลียวที่แน่นิ่งใสสว่างหรือเป็นดวงนิ่งที่สว่างใส
จนในที่สุดใจก็จะรวมตกศูนย์เข้าถึง “ดวงปฐมมรรค”
1.4.5 นีลกสิณ (กสิณสีเขียว)
คือ กสิณสีเขียว ผู้ที่มีวาสนาบารมีเคยเจริญกสิณนี้มาก่อน เมื่อเห็นสีเขียวของดอกไม้
ผ้าหรือวัตถุอื่น ๆ ก็สามารถพินิจดูแล้วบริกรรมได้ทันที แต่ถ้าจะต้องทำองค์นีลกสิณ ต้องใช้ดอกไม้
ใบไม้ วัตถุใด ๆ ก็ตามที่มีสีเขียว เช่น ดอกบัวเขียว แล้วนำมาใส่พานหรือขันให้เต็มภาชนะ
บ ท ที่ 1 ก ส ณ 1 0 DOU 13