ข้อความต้นฉบับในหน้า
4. ย่อมศึกษาว่าเราจักยังกายสังขารให้สงบหายใจเข้าออก กายสังขาร หมายถึง
ลมหายใจเข้าออก การหายใจเข้าออกด้วยกายสังขาร เช่น โน้มตัวลง ก้มตัวลง โค้งตัวลงโน้มไป
ข้างหน้า เอี้ยวตัว เอน คู่ เคลื่อน แกว่ง สั่น ไหว เมื่อทำความเพียรต่อไปด้วยคิดว่าเราจะทำ
อาการที่ไม่สงบเหล่านี้ให้สงบให้นิ่งด้วยการกำหนดลมหายใจเข้าออก กายสังขารที่หยาบก็จะ
ค่อยๆ สงบระงับ มีความรู้สึกว่ากายเบาใจเบา ลมหายใจละเอียดอ่อน จากนั้นก็บำเพ็ญ
ปฐมฌานโดยอาศัยกายที่ละเอียด จากนั้นก้าวไปสู่ทุติยฌาน โดยอาศัยกายสังขารที่ละเอียด
ยิ่งขึ้น จากนั้นก้าวไปสู่ตติยฌานโดยอาศัยกายสังขารที่ละเอียดยิ่งกว่า จากนั้นก้าวไปสู่
จตุตถฌาน เม
เมื่อได้ทำกายสังขารให้ดับสิ้นโดยไม่เหลือ
ของฌาน 4)
(ลมหายใจเข้าออกหยุดเมื่อเข้าถึงระดับ
5. ย่อมศึกษาว่าเรารู้ปีติหายใจเข้าออก การเจริญสมาธิด้วยการกำหนดลมหายใจ
เข้าออก เมื่อถึงในระดับของฌานที่ 2 องค์ฌาน คือ ปีติ จะปรากฏอยู่ในขั้นนี้ ซึ่งสามารถรู้ได้
ด้วยวิธีการ 2 อย่าง คือ โดยอารมณ์ และโดยความไม่หลงคือ เมื่อได้บรรลุฌาน 2 ประเภทแรก
ย่อมได้รับปีติอันเนื่องมาจากความสำเร็จซึ่งเกิดจากการรู้แจ้งอารมณ์นั้น และเมื่อออกจาก
ฌานทั้งสองซึ่งมีปีติแล้ว
ย่อมพิจารณาปีตินั้นซึ่งประกอบด้วยฌานและรู้แจ้งว่าปีตินั้นเป็นปีติ
ชั่วคราวและไม่ถาวร ในขณะที่รู้แจ้งแทงตลอดลักษณะของปีติโดยอาศัยวิปัสสนา ย่อมมีปีติ
เพราะไม่มีความสับสนใด ๆ
6. ย่อมศึกษาว่าเรารู้สุขหายใจเข้าออก การเจริญสมาธิด้วยการกำหนดลมหายใจ
เข้าออก เมื่อถึงในระดับของฌานที่ 3 องค์ฌาน คือ สุข จะปรากฏอยู่ในขั้นนี้ สามารถรู้ได้ด้วย
วิธีการ 2 อย่าง คือ โดยอารมณ์และโดยความไม่หลง
7. ย่อมศึกษาว่าเรารู้จิตตสังขารหายใจเข้าออก คำว่าจิตสังขาร หมายถึง สัญญา
และเวทนา ซึ่งจิตตสังขารนี้จะเกิดขึ้นในฌานที่ 4 สามารถรู้ได้ 2 วิธี คือ โดยความไม่หลง และ
โดยอารมณ์
8. ย่อมศึกษาว่าเราระงับจิตตสังขารหายใจเข้าออก จิตตสังขารได้อธิบายผ่านมา
แล้วในตอนต้น
9. ย่อมศึกษาว่าเรารู้จิตหายใจเข้าออก นั้นคือ เมื่อใส่ใจถึงลมหายใจเข้าออกอยู่
* สัญญา ความจำได้หมายรู้ คือ หมายรู้ไว้ซึ่ง รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสและอารมณ์ที่เกิดกับใจ
* เวทนา คือ ความเสวยอารมณ์, ความรู้สึกสุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์
บทที่ 5 อ าน า ป า น ส ติ และอุปสมานุสติ DOU 131