ข้อความต้นฉบับในหน้า
พระพุทธศาสนา ผู้พูดนี้ได้ศึกษามาตั้งแต่บวช พอบวชออกจากโบสถ์แล้ว
ได้วันหนึ่ง รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งก็เรียนทีเดียว เรียนสมถะทีเดียว ไม่ได้หยุดเลย
จนกระทั่งถึงบัดนี้ บัดนี้ทั้งเรียนด้วย ทั้งสอนด้วย ในฝ่ายสมถวิปัสสนาทั้ง ๒
อย่างนี้
สมกะมีภูมิแค่ไหน สมกะมีภูมิ ๔๐
กสิณ ๑๐ อสุภะ ๑๐ อนุสติ ๑๐ พรหมวิหาร ๔ อาหาเรปฏิกูล
สัญญา ๑ จตุธาตุววัตถาน ๑ อรูปฌาน ๔ ทั้ง ๔๐ นี้เป็นภูมิของสมถะ
วิปัสสนามีภูมิ 5
ขันธ์ ๕ อายตนะ ๑๒ ธาตุ ๑๘ อินทรีย์ ๒๒ อริยสัจ ๔
ปฏิจจสมุปบาทธรรม ๑๒ (ธรรมอาศัยซึ่งกันและกันเกิดขึ้น) นี้เป็นภูมิของ
วิปัสสนา ภูมิสมถวิปัสสนาทั้ง ๒ นี้ เป็นตำรับตำราในทางพระพุทธศาสนา
ได้ใช้กันสืบมา
แต่ภูมิของสมถะที่เราจะพึงเรียนต่อไปนี้ เริ่มต้นต้องทำใจให้
หยุดจึงจะเข้าภูมิของสมถะได้ ถ้าทำใจให้หยุดไม่ได้ก็เข้าภูมิสมถะไม่ได้
สมถะเขาแปลว่า ระงับ แปลว่าหยุด แปลว่านิ่ง ต้องทำใจให้หยุด ใจของเรา
อะไรที่เรียกว่า “ใจ” เห็นอย่าง ๑ จำอย่าง ๑ คิดอย่าง ๑ รู้อย่าง ๑ สี่อย่าง
นี้รวมเข้าเป็นจุดเดียวกัน นั่นแหละเรียกว่าใจ”
พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี ได้สอนวิธีทำสมถะและ
วิปัสสนาต่อไปว่า ให้นำใจมาหยุดที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ (กึ่งกลางกาย
เหนือระดับสะดือขึ้นมา ๒ นิ้วมือ) “หยุดนั่นเองเป็นตัวสำเร็จ ทั้งทางโลก
และทางธรรม สำเร็จหมด” แล้วบอกต่อไปว่า ผลแห่งใจหยุดนั้นเป็นอย่างไร
คือเห็น 5 ดวงถึงกาย 5 ดวงถึงกาย(ไม่ใช่นิมิตหลอนอย่างที่บางคนเข้าใจ
ผิด) แล้วสรุปสมถวิปัสสนา เป็นรูปธรรมชัดเจนว่า
ะ
“ตั้งแต่กายมนุษย์ถึงกายอรูปพรหมละเอียด แค่นั้นเรียกว่า
สมถะ ตั้งแต่กายธรรมโคตรภู ทั้งหยาบทั้งละเอียดจนกระทั่งถึงกาย-
๒๗
จากยอดดอย