ข้อความต้นฉบับในหน้า
๑๘๖
ซ้อมบ้างไม่ซ้อมบ้าง ก็ยากที่จะก้าวไปสู่ความเป็นเลิศได้
๔. ทำอย่างท้อถอย คือนั่งสมาธิเหมือนคนซังกะตาย เหมือน
ลูกจ้างที่ทํางานไม่เต็มแรง
๕. ทอดฉันทะ คือทำแบบเลื่อนลอย ทำแบบหมดรัก
“ความรัก” จะก่อเกิดพลังไม่รู้จบ โดยเฉพาะ “ความรักในการนั่งสมาธิ” จะ
ก่อเกิดพลังอย่างน่าอัศจรรย์
ผุดลุกผุดนั่ง
5. ทอดธุระ อาการหนักกว่า ทอดฉันทะอีก คือไม่สนใจทำแล้ว
๗. ไม่ติด คือทอดธุระแล้วก็ชะล่าใจ ชักนั่งสมาธิไม่ติดแล้ว
๔. ไม่คุ้น คือพอทิ้งไปมากเข้าบ่อยเข้า ครั้นมานั่งสมาธิอีก ก็
เหมือนมาเริ่มต้นใหม่ เหมือนไม่เคยนั่งสมาธิมาก่อน รู้สึกอึดอัดขัดข้องไป
หมดก็ต้องอดทน..อดทน..แล้วก็อดทน ก็จะดีขึ้นไปเรื่อยๆ เอง ไม่ควร
ท้อถอยหรือหมดกำลังใจ
ว่าทำ
๙. ไม่ทำจริง ๆ จัง ๆ คือทำแบบเช้าชามเย็นชาม ทำพอได้ชื่อ
ๆ
๑๐. ไม่ตั้งใจทำ คือทำแบบถูกบังคับให้นั่ง ทำแบบไม่คิดจะเอา
ดี อันที่จริงจะตั้งใจนั่งสมาธิกับไม่ตั้งใจช่วงเวลานั้นก็ใช้เวลาเท่ากัน ไหนๆ
จะต้องเสียเวลาแล้ว ก็น่าจะทำให้ดีที่สุด
๑๑.
ไม่หมั่นประกอบ คือนาน ๆ ทำที ทำทีก็ทำแต่น้อย เช่นนั่ง
สมาธิปีละ ๓ ครั้ง ครั้งละ ๑๐ นาที เป็นต้น พระพุทธองค์ท่านทรงสอนให้
เราสันโดษในปัจจัย ๔ แต่ไม่ใช่สันโดษในการสร้างความดี ความดีเป็นสิ่ง
ที่ต้องสร้างอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนทะเลไม่อิ่มด้วยน้ำ บัณฑิตไม่อิ่มด้วย
ความดี โดยเฉพาะความดีที่เกิดจากการนั่งสมาธิเจริญภาวนา
ความประมาททั้ง ๑๑ ประการนี้ จะค่อย ๆ บั่นทอนความดี
จากการนั่งสมาธิไปเรื่อย ๆ จนเราหมดกำลังใจที่จะทำต่อไป ดังนั้นจึง
ควรเร่งตรวจสอบตนเองและหมั่นฝึกใจให้หยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกาย
เรื่อยไป จนกว่าจะเข้าถึงพระธรรมกาย
จากยอดดอย