ข้อความต้นฉบับในหน้า
ความดีให้มากตาม การมีบริวารมากนั้นก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด
๔. ความเมาในลาภ คิดว่าสิ่งเหล่านี้เคยได้เดี๋ยวก็ได้อีกแล้วจึง
ประมาท จึงมีสติเตือนตนเสมอว่า ลาภไม่ได้เกิดมาคู่กับตัวเรา แต่ลาภนั้น
เกิดมาคู่กับความเสื่อมลาภ สักวันหนึ่งลาภนั้นจะจากเราไป แล้วจะได้ใช้
ลาภที่ได้มานั้นอย่างเกิดประโยชน์สูงสุด
๕. ความเมาในยศ คิดว่าตนมีตำแหน่งหน้าที่แล้วจึงประมาท จึง
มีสติเตือนตนเสมอว่า ยศตำแหน่งไม่ได้เกิดมาคู่กับตัวเรา แต่ยศนั้นเกิด
มาคู่กับเสื่อมยศ สักวันหนึ่งยศนั้นจะกลายเป็นอดีตไป
5. ความเมาในคำสรรเสริญ เมื่อได้ยินได้ฟังคำชมเชยยกย่อง
แล้วจึงประมาท จึงมีสติเตือนตนเสมอว่าคำสรรเสริญอย่างหนึ่ง ความเป็น
จริงอีกอย่างหนึ่ง อย่าหลงใหลหรือโหยหาจนเกินไป และคำสรรเสริญไม่ได้
เกิดมาคู่กับตัวเรา แต่ค่าสรรเสริญนั้นเกิดมาคู่กับค่านินทา เราเตรียมใจ
พร้อมรับคำนินทาแล้วหรือยัง
๗. ความเมาในสุข คือติดอยู่ในสุขเล็กน้อย แล้วจึงประมาท จึง
มีสติเตือนตนเสมอว่า ความสุขเล็กน้อยเช่นความเพลินในรูป เสียง กลิ่น รส
สัมผัส นั้นเป็นความสุขขั้นต่ำสุด บัณฑิตจึงละสุขน้อยเพื่อมุ่งสู่สุขปานกลาง
ละสุขปานกลางเพื่อมุ่งสู่ความสุขอันสูงสุด คือพระนิพพาน
๔. ความเมาในวัย คิดว่าตนเองยังอายุไม่มากบ้าง ยังไม่ถึงเวลา
บ้างแล้วจึงประมาท จึงมีสติเตือนตนเสมอว่า “วัย” ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อ
การสร้างความดีเลย และหากรวมอายุเมื่อชาติก่อนๆ จนถึงบัดนี้แล้ว จะ
พบว่าไม่มีใครอายุน้อยเลย
๔. ความเมาในความไม่มีโรค คิดว่าตนเองแข็งแรง ไม่เคย
เจ็บป่วยแล้วจึงประมาท จึงมีสติเตือนตนเสมอว่า ความแข็งแรงอาจไม่ได้
อยู่กับเราตลอดไป หากอกุศลกรรมในอดีตตามมาทัน อาจจะเจ็บป่วย
ฉับพลันอาจจะประสบอุบัติเหตุก็เป็นไปได้ จึงควรใช้ความแข็งแรงเพื่อ
สร้างความดีอย่างเต็มที่
๑๗๙
จากยอดดอย