ข้อความต้นฉบับในหน้า
เมื่อนั่งสมาธิไปได้ ๒ วัน ไม่มีอะไรดีขึ้น ตื่นเต้น ฟุ้งซ่านมาก
น้องพิพัฒน์และพระอาจารย์ก็แนะนำให้วางใจเบาเหมือนฟองแชมพู ดิฉัน
ก็ทำตาม คิดว่าตัวเราลอยอยู่ในฟองแชมพู ใจก็ไว้ที่ศูนย์กลางกาย ตัวเราก็
จะเบา แม้แต่เวลาออกจากสมาธิแล้วก็ยังรู้สึกตัวเบาๆ
คืนวันพฤหัส
ด้วยความสงสัย ดิฉันก็สำรวจดูรู้สึกว่าเหนื่อยมาก ดิฉันนิสัยเสียที่เป็นคนขี้
สงสัย พอเห็นอะไรแวบเข้ามาก็จะเพ่งและตามไปสำรวจ ผลที่ได้รับก็หายไป
ดิฉันเห็นองค์พระซ้อนอยู่ที่กายหยาบของดิฉัน
ช่วงหลังดิฉันพยายามทำตัวให้เบาสบาย โปร่งใสเหมือนแก้ว
เหมือนฟองแชมพู และก็ให้ใจหยุดนิ่งไว้ที่ศูนย์กลางกาย ถึงจะทำได้เป็น
บางช่วงแต่ก็ได้ผลที่น่าพอใจ ส่วนมากเป็นช่วงสุดท้ายที่จะแผ่เมตตา ทุก
ครั้งดิฉันจะเห็นแสงสว่าง ค่อย ๆ สว่างมากขึ้น ๆ คลุมองค์พระที่อยู่ซ้อน
กายดิฉัน
วันสุดท้ายก่อนจะกลับก็ได้นั่งสมาธิช่วง ๙.๐๐ น. ดิฉันนั่งหลับต
ลอด จนคิดไปว่า คงไม่มีโอกาสเห็นดวงแก้วในศูนย์กลางกายเป็นแน่ ช่วง
นั้นเองดิฉันก็ให้ใจหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกายแล้วก็ท่อง สัมมาอะระหัง ไม่เกิน
๕ นาที ก็เห็นพระซ้อนอยู่ที่กายหยาบของเรา ใสเป็นแก้ว แล้วก็มีดวง
แก้วผุดจากกลางกาย ดวงแล้วดวงเล่า ๆ รู้สึกปีติมากว่าเราทําสําเร็จแล้ว
ถึงจะเพียงขั้นแรก ก็เป็นบทเรียนอย่างหนึ่งที่สอนให้เรารู้ว่า จะทำสิ่งใดอย่า
ใจร้อน ต้องใจเย็น ๆ ไม่ทำตัวทำใจไปอยากรู้อยากเห็นให้อยู่เฉย ๆ ทำใจ
สบาย ๆ..."
(กัลฯ พรเพ็ญ สมบูรณ์ แม่บ้าน *๑)
“เป็นการยากมาก ที่จะเอ่ยว่าดิฉันได้รับการเปลี่ยนแปลง
อย่างไรบ้างในการมาปฏิบัติธรรม ดิฉันรู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่า ดิฉันเป็นหนี้
ชีวิตพระเดชพระคุณหลวงพ่อ คุณยาย พระอาจารย์ วัดพระธรรมกาย ที่ให้
ชีวิตใหม่แก่ดิฉันและครอบครัววงศาคณาญาติ รวมไปถึงบุคคลรอบข้างนับ
๒๕๗
จากยอดดอย