ข้อความต้นฉบับในหน้า
๒๒๐
ให้เรานี้ไม่รู้เลย ตั้งแต่คลอดออกจากครรภ์มารดา ลืมหมดว่า เราเกิดมา
จากไหน เกิดมาทำไม อะไรเป็นเป้าหมายชีวิต นั่นไม่รู้เลย เพราะฉะนั้น
เกิดมาเจออะไร ก็ทำกันไปอย่างนั้น แล้วในที่สุดก็หมดเวลากันไปชาติหนึ่ง
จึงต้องเกิดกันบ่อยๆ ก็เพราะคำว่า “อวิชชา” นี่แหละเข้ามาครอบงำ ทำให้
เราไม่รู้ ความไม่รู้นี่เป็นภัยอย่างยิ่ง จะทำให้เราปฏิบัติไม่ถูก คือ ไม่รู้จะทำ
ยังไงถึงจะถูกต้อง ถึงจะไปสู่เป้าหมายของชีวิต อวิชชาที่สำคัญ เป็นสิ่งที่เรา
จะเอาชนะให้ได้
คำว่า “วิชชา” ตรงข้ามกับคำว่า “อวิชชา” ต่างโดยภาษา คือไม่
มี “อ.อ่าง” จากอวิชชา เอา อ.อ่างออก เป็นวิชชา ดูเหมือนว่า การเอา
“อ.อ่าง” ออกนั้น เป็นสิ่งที่ง่ายนิดเดียว ใช้แค่ยางลบ น้ำยาลบหมึกลบ “อ.
อ่าง” ก็ออกแล้ว แต่ความเป็นจริงแล้ว ไม่ง่ายอย่างนั้นเลย ผู้รู้ทั้งหลายใน
กาลก่อนต้องเวียนว่ายตายเกิด นับภพนับชาติไม่ถ้วนกว่าจะค้นพบวิธี เอา
‘อ.อ่าง” ออก
5,000
ปัจจุบันนี้ หลังพุทธปรินิพพานกว่า ๒,๐๐๐ ปี หลวงพ่อวัดปากน้ำ
ภาษีเจริญ ท่านค้นพบวิธีเอา อ.อ่างออกจาก “อวิชชา” ให้เป็น “วิชชา”
คือความรู้แจ้งเกิดจากการเห็นแจ้ง นั่นก็คือ การทำใจให้ “หยุด” นั่นเอง
แล้วท่านก็สรุปวิธีการเอา “อ.อ่าง” ออกได้ คือ “หยุดเป็นตัวสำเร็จ”
ควรแก่การบูชา
หลังจากที่ท่านละโลกไปแล้ว วิชชาท่านยังสืบต่อมาเอาไว้ให้เป็น
ที่พึ่งแก่ชาวโลก ถึงยุคของพวกเรา ผู้มีบุญได้มีส่วนแห่งการศึกษา
พระธรรมคำสอนจากท่าน ได้เข้าถึงพระธรรมกายภายใน ได้เปลี่ยนแปลง
จาก “อวิชชา” เป็น “วิชชา” ได้นั้น เราจึงระลึกนึกถึงพระคุณท่าน ดังนั้น
มหาวิหารพระมงคลเทพมุนี จึงบังเกิดขึ้นด้วยประการนี้ เพื่อจะได้เป็นที่
ประดิษฐานรูปหล่อหลวงพ่อวัดปากน้ำทองคำ ผู้ที่มีพระคุณต่อโลก ต่อ
พวกเราทั้งหลาย”
จากยอดดอย