ข้อความต้นฉบับในหน้า
๑๗๔
ให้น้อมไปเพื่อความสิ้นไปแห่งกิเลส สนิมใจมี ๕ อย่าง เรียกว่า นิวรณ์ ๕ คือ
๑. กามฉันท์
๒. พยาบาท
๓.
ถีนมิทธะ
๔. อุทธัจจกุกกุจจะ
๕. วิจิกิจฉา
๑. กามฉันท์ คือความพอใจ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส พระ
พุทธองค์ทรงอุปมาว่าเหมือนคนมีหนี้ก็ยอมให้เจ้าหนี้ด่าว่าจองจำ จนกระทั่ง
ฆ่าได้ หรือเหมือนน้ำที่ผสมด้วยขมิ้น ย่อมมองเงาหน้าตัวเองไม่เห็น
๒. พยาบาท คือความคิดปองร้าย ไม่ให้อภัยผู้อื่น พระพุทธองค์
ทรงอุปมาว่า เหมือนคนเป็นโรค ย่อมกระสับกระส่ายทุรนทุราย อยู่ไม่เป็น
สุข หรือเหมือนน้ำที่ได้รับความร้อน เป็นน้ำเดือดพล่าน มีไอ ย่อมมองเงา
หน้าตัวเองไม่เห็น
๓. ถีนมิทธะ คือความหดหูซึมเซา ง่วงเหงาหาวนอน พระ
พุทธองค์ทรงอุปมาว่าเหมือนคนที่อยู่ในเรือนจำย่อมไม่รู้ไม่เห็นเหตุการณ์
ข้างนอก หรือเหมือนน้ำที่มีสาหร่ายจอกแหนปกคลุม ย่อมมองเงาหน้าตัว
เองไม่เห็น
๔. อุทธัจจกุกกุจจะ คือความฟุ้งซ่านในความคิดต่างๆ พระ
พุทธองค์ทรงอุปมาว่าเหมือนเป็นทาส ถูกนายใช้ให้ทำสิ่งนั้นสิ่ง
งนนสงนตลอดเวลา
ย่อมไม่เป็นตัวของตัวเอง หรือเหมือนน้ำที่มีลมพัดทำให้น้ำไหลวนเป็นคลื่น
ย่อมมองเงาหน้าตัวเองไม่เห็น
๕. วิจิกิจฉา คือความลังเลสงสัย พระพุทธองค์ทรงอุปมาว่า
เหมือนคนเดินทางไกลไปในที่กันดาร ย่อมมีความหวาดระแวง ไม่มั่นใจ
ในเส้นทางเดิน หรือเหมือนน้ำที่ขุ่นมัวด้วยโคลนตม วางไว้ในที่มืด ย่อม
มองเงาหน้าตัวเองไม่เห็น
นิวรณ์ทั้ง ๕ นี่เอง ที่ทำให้ใจมนุษย์เสื่อมคุณภาพ ทำให้เราดึง
จากยอดดอย