ข้อความต้นฉบับในหน้า
๑๙๘
คิดอย่างนี้ นอนอย่างเดียว**
มีคนมากมายทีเดียว แม้รู้ว่าการนั่งสมาธิเป็นสิ่งที่ดี แต่เมื่อได้
พบกับเหตุการณ์ต่าง ๆ เขาก็นำเหตุการณ์นั้นๆ มาคิดเข้าข้างตัวเอง แล้ว
ไม่ปรารภความเพียร เช่น
๑. เมื่อจะต้องทำงานเขาก็มีความคิดว่า “เราจะต้องทำงานเมื่อ
เราทำงาน ย่อมจะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า อย่ากระนั้นเลย เรานอนเอาแรง
ดีกว่า” แล้วเขาก็นอน ไม่ปรารภความเพียรเพื่อเข้าถึงธรรมกายที่ยังเข้า
ไม่ถึง เพื่อศึกษาวิชชาธรรมกายที่ยังไม่ศึกษา เพื่อไปให้ถึงที่สุดแห่งธรรม
ที่ยังไปไม่ถึง
๒. เมื่อทำงานแล้ว เขาก็มีความคิดว่า “เราได้ทำงานแล้ว เรา
ได้สูญเสียแรงกายและความคิดไปมาก อย่ากระนั้นเลย เรานอนพักก่อน
ดีกว่า” แล้วเขาก็นอน ไม่ปรารภความเพียรเพื่อเข้าถึงธรรมกายที่ยังเข้า
ไม่ถึง เพื่อศึกษาวิชชาธรรมกายที่ยังไม่ศึกษา เพื่อไปให้ถึงที่สุดแห่งธรรม
ที่ยังไปไม่ถึง
๓.
เมื่อจะต้องเดินทาง เขาก็มีความคิดว่า “เราจะต้องเดินทาง
เมื่อเราเดินทาง ย่อมจะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า อย่ากระนั้นเลย เรานอน
เอาแรงดีกว่า” แล้วเขาก็นอน ไม่ปรารภความเพียรเพื่อเข้าถึงธรรมกายที่
ยังเข้าไม่ถึง เพื่อศึกษาวิชชาธรรมกายที่ยังไม่ศึกษา เพื่อไปให้ถึงที่สุดแห่ง
ธรรมที่ยังไปไม่ถึง
๔. เมื่อเดินทางแล้ว เขาก็มีความคิดว่า “เราได้เดินทางแล้วเรา
แสนเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า อย่ากระนั้นเลย เรานอนพักผ่อนดีกว่า” แล้ว
เขาก็นอน ไม่ปรารภความเพียรเพื่อเข้าถึงธรรมกายที่ยังเข้าไม่ถึง เพื่อ
ศึกษาวิชชาธรรมกายที่ยังไม่ศึกษา เพื่อไปให้ถึงที่สุดแห่งธรรมที่ยังไปไม่ถึง
๕. เมื่อรับประทานอาหารน้อย เขาก็มีความคิดว่า “เราทาน
อาหารน้อยเรี่ยวแรงของเราย่อมไม่ค่อยมี อย่ากระนั้นเลย เรานอนพัก
ก่อนดีกว่า” แล้วเขาก็นอน ไม่ปรารภความเพียรเพื่อเข้าถึงธรรมกายที่ยัง
เข้าไม่ถึง เพื่อศึกษาวิชชาธรรมกายที่ยังไม่ศึกษา เพื่อไปให้ถึงที่สุดแห่ง
จากยอดดอย