ข้อความต้นฉบับในหน้า
๑๒๖
ณ อุโบสถวัดโบสถ์ บน บางคูเวียง
ະ
“อือม...ต้องทําให้รู้ตรึก รู้นัก รู้คิด น หยุดเป็นจุดเดียวกัน แต่
พอหยุดก็ดับ แต่พอดับแล้วก็เกิด ถ้าไม่ดับแล้วไม่เกิด.... ถ้าไม่ถูกส่วนดังนี้
ก็ไม่มีไม่เป็นเด็ดขาด”
ความในใจของพระภิกษุหนุ่มวัย ๓๓ ปี นาม “สด จนฺทสโร” ขณะ
หลับตาเจริญสมาธิภาวนา เมื่อเข้าถึงพระธรรมกายแล้ว
ก่อนหน้านั้น พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)
ได้ปรารภกับตนเองว่า “บัดนี้ของจริงที่พระพุทธเจ้าท่านรู้ท่านเห็น เราก็
ยังไม่ได้บรรลุ ยังไม่รู้ไม่เห็น สมควรแล้วที่จะต้องกระทำอย่างจริงจัง”
วันนั้นเป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ พ.ศ. ๒๔๖๐ ช่วงเย็นท่าน
เข้าอุโบสถวัดโบสถ์ บน(ปีนั้น ท่านจำพรรษาที่นี่) ตั้งสัจจาธิษฐานว่า
“ถ้าเรานั่งลงไปในครั้งนี้ หากไม่เห็นธรรมที่พระพุทธเจ้าต้องการ
เป็นอันไม่ลุกจากที่นี้จนหมดชีวิต” พอเริ่มนั่งสมาธิจึงระลึกถึงพระสัมมา
สัมพุทธเจ้าว่า “ขอพระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดข้าพระพุทธเจ้า ประทาน
ธรรมที่พระองค์ได้ทรงตรัสรู้อย่างน้อยที่สุด และง่ายที่สุดที่พระองค์ได้ทรง
รู้แล้วแก่ข้าพระพุทธเจ้า ถ้าข้าพระพุทธเจ้ารู้ธรรมของพระองค์แล้วเป็น
โทษแก่ศาสนาของพระองค์ ขอพระองค์อย่าประทานเลย ถ้าเป็นคุณแก่
ศาสนาของพระองค์แล้ว ขอพระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดประทานแก่
ข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะรับเป็นทนายศาสนาในศาสนาของพระองค์จน
ตลอดชีวิต”
คืนวันเพ็ญเดือน ๑๐ นั่นเอง หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
ได้เข้าถึงพระธรรมกาย กายตรัสรู้ธรรม เป็นการค้นพบวิชชาอันบริสุทธิ์
ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากลับคืนสู่ชาวโลกอีกวาระหนึ่ง
จากยอดดอย