ข้อความต้นฉบับในหน้า
“ขอเดชะ ช้างนั้นเหมือนหม้อพระเจ้าข้า”
พวกที่ลูบคลำหูช้าง “ขอเดชะ ช้างนั้นเหมือนกระดังพระเจ้าข้า”
พวกที่ลูบคลำงาช้าง “ขอเดชะ ช้างนั้นเหมือนผาลพระเจ้าข้า”
พวกที่ลูบคลำงวงช้าง “ขอเดชะ ช้างนั้นเหมือนงอนไถพระเจ้าข้า”
พวกที่ลูบคลำตัวช้าง “ขอเดชะ ช้างนั้นเหมือนฉางข้าวพระเจ้าข้า”
พวกที่ลูบคลำเท้าช้าง “ขอเดชะ ช้างนั้นเหมือนเสาพระเจ้าข้า”
พวกที่ลูบคลำหลังช้าง “ขอเดชะ ช้างนั้นเหมือนครกตำข้าวพระเจ้า
ข้า”
พวกที่ลูบคลำโคนหางช้าง “ขอเดชะ ช้างนั้นเหมือนสากพระเจ้า
พวกที่ลูบคลำปลายหางช้าง “ขอเดชะ ช้างนั้นเหมือนไม้กวาด
พระเจ้าข้า”
และแล้วความโกลาหลก็บังเกิดขึ้นกลางที่ประทับ คนตาบอด
ทั้งหลายต่างทุ่มเถียง งกันและกัน ยังความพอพระทัยแก่พระราชาผู้รัก
สนุกพระองค์นั้นเป็นอย่างมาก
เหมือนคนตาบอด
ต่อว่า
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครั้นตรัสเรื่องราวในอดีตจบแล้ว จึงตรัส
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชกเป็นเหมือนคน
ตาบอด ไม่มีจักษุ ย่อมไม่รู้จักประโยชน์ ไม่รู้จักความฉิบหาย ไม่รู้จักธรรม
ไม่รู้จักสภาพมิใช่ธรรม
เมื่อไม่รู้จักสิ่งเหล่านี้ จึงบาดหมางกัน ทะเลาะกัน วิวาทกัน
ทิ่มแทงกันและกันด้วยหอกคือปาก”
แล้วพระพุทธองค์ทรงเปล่งอุทานต่อว่า “เหล่าสมณพราหมณ์ผู้
ยึดมั่นในความเห็นผิดอันหาสาระมิได้ มองอะไรในแง่มุมเดียว ย่อมวิวาทกัน”
จากยอดดอย
๑๒๑