ข้อความต้นฉบับในหน้า
๒๔๔
จะเป็นเครื่องประคับประคองจนกระทั่งเป็นสมาธิในที่สุด หากไร้ซึ่งสติแล้ว
ก็ยากที่จะทำอะไรให้ลุล่วงประสบผลสำเร็จได้
สบาย มีความสบายกายสบายใจ ร่างกายขณะฝึกไม่เกร็ง มีความ
ผ่อนคลาย จิตใจไม่เคร่งเครียด ไม่มีความอยากมากเกินไป บางท่านพอ
อยากเข้าถึงธรรมก็เลยตั้งใจมากเกินไป เวลานั่งสมาธิจึงอดจ้องไม่ได้ จ้อง
ศูนย์กลางกาย ต้องนิมิต จ้องไปจ้องมาถึงกับปวดหัวปวดตาก็มี บางที
ดวงแก้วกำลังจะชัดอยู่แล้ว พอไปจ้องก็หายไปเลยก็มี “ลุ้น เร่ง เพ่ง จ้อง”
ไม่มีในพจนานุกรม ชัด ใส สว่าง
คนทั่วไปมักไม่ค่อยรู้จักกับคำว่า “สบาย” รู้จักแต่คำว่าเพลินๆ
เพลินกับการเลี้ยงลูก เล่นกับหลาน เพลินกับงาน เพลินกับการไปท่องเที่ยว
เพลินกับการกิน เพลินกับการแต่งเนื้อแต่งตัว แต่ไม่รู้จักคำว่าสบายหรือ
สุขจริงๆ เป็นอย่างไร
พบแล้ว! ณ โครงการปฏิบัติธรรมพิเศษ รุ่นที่ ๖๘ (๒๖ มีนาคม
๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๘) กัลยาณมิตรใหม่ท่านหนึ่งชื่อ กัลฯ เริงฤดี
มานั่งสมาธิร่วมกับโครงการฯเป็นครั้งแรก เธอเล่าว่า
“ชีวิตของเธอสบายมาก ฐานะดี งานการก็ไม่ต้องทำอะไรมาก
มีครอบครัวดี สุขสบายดี ใช้เวลาส่วนหนึ่งไปเที่ยวรอบโลก พอทัวร์เสร็จ
ก็ได้คิดว่าไม่เห็นมีความสุขเพิ่มขึ้นมาเลย รู้สึกว่าเหมือนชีวิตเราขาดอะไร
อย่างหนึ่ง ครุ่นคิดทบทวน รถก็มี บ้านก็มี ครอบครัวก็มี เพื่อน การเงิน
ตำแหน่งหน้าที่เราก็มีหมด เอ...เราขาดอะไร จึงค้นคว้าแสวงหาต่อ
จนกระทั่งวันหนึ่งได้ไปเปิดหนังสือวารสารกัลยาณมิตร ทราบว่ามีการฝึก
สมาธิที่เชียงใหม่ จึงโทรศัพท์ติดต่อแล้วก็มาเลย มานั่งสมาธิ วันสองวัน
แรกทรมานเอาการเพราะไม่เคยมานั่งเฉยๆ อย่างนี้ พอผ่านเข้าวันที่ ๓
นั่งสมาธิแล้วจิตดื่มต่ำมาก จึงค้นพบว่าความสบายและความสุขที่แท้เกิด
จากสมาธินี่เอง นี่คือสิ่งที่เธอขาดสิ่งที่เธอแสวงหา เธอนั่งสมาธิดีมาก ปีติ
น้ำตาไหล ทีเดียว
หากรู้จักความสบายอย่างนี้แล้ว การดำเนินชีวิตต่อไปเราจะ
จากยอดดอย