ข้อความต้นฉบับในหน้า
๑๖๖
ฝึกม้าอาชาไนย
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสกับพระภิกษุผู้มีนาม “ภัททาลิ” ว่า
เหมือนมีนายสารถีฝึกม้าคนขยันได้ม้าอาชาไนยตัวงามมาแล้ว จะฝึกเป็น
ขั้นตอน ฝึกบ่อยๆ จนม้าค่อย ๆ เลิกพยศ ค่อยๆ เลิกดิ้นรนแล้วสงบลงได้
ขั้นตอนการฝึกได้แก่
๑. ฝึกให้คุ้นกับการใส่บังเหียน
๒. ฝึกให้รู้เรื่องการเทียมแอก
๓. ฝึกการก้าวย่าง คือฝึกให้ม้ายกเท้าและวางเท้าทั้ง ๔ พร้อมกัน
เพราะในเวลาออกรบจะมีทหารฝ่ายตรงข้ามซุ่มอยู่ในหลุม คอยเงื้อดาบตัด
เท้าม้าที่กำลังเดินมาอยู่ เมื่อยกเท้าทั้ง ๔ ในครั้งเดียวกันได้จึงจะปลอดภัย
ฝึกการวิ่งเป็นวงกลม เพื่อให้ผู้นั่งบนหลังสามารถเก็บอาวุธที่ตก
บนแผ่นดินได้
ฝึกการจรดกีบ คือฝึกการเดินด้วยปลายหีบ เพราะในเวลาวิ่งไป
ในกลางคืน ข้าศึกจะได้ไม่ได้ยินเสียงฝีเท้า
ฝึกการวิ่ง คือฝึกความเร็วเพื่อการหนี หรือการติดตามข้าศึก
๔. ฝึกเรื่องเสียงร้อง คือไม่ร้องพร่ำเพรื่อ ร้องทีก็ให้ฝ่ายตรง
ข้ามเสียขวัญไปเลย
๕. ฝึกไม่ให้ตื่นตกใจเพราะเสียงกึกก้องต่าง ๆ เพราะในเวลารบ
จะมีเสียงต่าง ๆ มากมาย เช่น เสียงช้างแผดร้อง เสียงม้าคะนอง เสียงรถ
เสียงทหารโห่ร้อง ฯลฯ จะได้ไม่ตื่นตกใจ
5. ฝึกการเป็นม้ามีคุณที่พระราชาจึงรู้ ตัวอย่างเช่น พระราชา-
กูฏกัณฐะ มีม้าชื่อว่า “ตุฬวณะ” เสด็จข้ามแม่น้ำ แต่มายืนใกล้ฝั่งไม่ยอม
ข้ามไป พระราชาตรัสเรียกคนฝึกม้ามาตรัสว่า “ม้าที่เจ้าฝึกไม่ปรารถนาจะ
ข้ามน้ำ” คนฝึกม้าผู้ฝึกม้ามาอย่างดีแล้ว จึงใคร่ครวญได้ว่า “ม้าอาจคิดว่า
หากเราจักข้ามน้ำหางก็จะเปียก เมื่อหางเปียกน้ำจะพึงเปียกที่พระวรกาย
พระราชา เพราะเหตุนั้นมาจึงไม่ข้าม” จึงกราบทูลว่า “ขอพระองค์โปรด
จากยอดดอย