ข้อความต้นฉบับในหน้า
๑๕๔
ภิกษุในธรรมวินัยของพระตถาคตเจ้านี้
จิตระคนด้วยราคะ ก็ทราบชัดว่าจิตนี้ระคนด้วยราคะ
จิตปราศจากราคะ ก็ทราบชัดว่าจิตปราศจากราคะ
จิตระคนด้วยโทสะ
ก็ทราบชัดว่าจิตระคนด้วยโทสะ
จิตปราศจากโทสะ
ก็ทราบชัดว่าจิตปราศจากโทสะ
จิตระคนด้วยโมหะ
ก็ทราบชัดว่าจิตระคนด้วยโมหะ
จิตปราศจากโมหะ
ก็ทราบชัดว่าจิตปราศจากโมหะ
จิตหดหู่
ก็ทราบชัดว่าจิตหดหู่
จิตฟุ้งซ่าน
ก็ทราบชัดว่าจิตฟุ้งซ่าน
จิตเป็นมหัคคตะ
ก็ทราบว่าจิตเป็นมหัคคตะ (หมายถึง จิต
ประกอบด้วยบุญกุศลอันยิ่งใหญ่)
จิตไม่ประกอบด้วยมหัคคตะ ก็ทราบชัดว่าจิตไม่ประกอบ
ด้วยมหัคคตะ
จิตยิ่ง
ก็ทราบว่าจิตยิ่ง
ไม่มีจิตอื่นยิ่งกว่า ก็ทราบชัดว่าไม่มีจิตอื่นยิ่งกว่า
จิตตั้งมั่น
ก็ทราบชัดว่าจิตตั้งมั่น
ตไม่ตั้งมัน
ก็ทราบชัดว่าจิตไม่ตั้งมั่น
จิตหลุดพ้น
ก็ทราบชัดว่าจิตหลุดพ้น
จิตไม่หลุดพ้น
ก็ทราบว่าจิตไม่หลุดพ้น......”
ดูใจเราเอง
เมื่อเราดูใจเราเอง แม้ไม่ได้ลึกซึ้งเท่าพระพุทธวจนะที่ยกมา
ก็ตาม แต่การดูใจเราเอง จะทำให้เรารู้ว่าใจเราเองเป็นอย่างไร จะได้
แก้ไขปรับปรุง และพัฒนาได้ อย่าไปสนใจผู้อื่นมากไปกว่าตัวเองเลย
เพราะแม้ใครจะดีเพียงไร ก็ไม่ประเสริฐเท่ากับเราดีขึ้น แม้ใครจะชั่ว
เพียงไร ก็ไม่ร้ายแรงเท่ากับเราชั่วเสียเอง
จากยอดดอย