ข้อความต้นฉบับในหน้า
๑๘๔
“ความประมาทน่ะคือเผลอไป ความไม่ประมาทน่ะคือความไม่
เผลอ ไม่เผลอละใจจดใจจ่อทีเดียวนั่น อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา นี่เรียกว่า
ผู้ไม่ประมาท...
อธิศีลเห็นเป็นอย่างไร อยู่ที่ไหน นี่ตรงนี้เราต้องเข้าใจ วัด
ปากน้ำทั้งหญิงและชาย ทั้งภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา เขาเข้าถึงอธิศีล
อธิจิต อธิปัญญา เป็นพื้นเขียวมีมากตั้ง ๑๐๐ ที่เราบริสุทธิ์กาย บริสุทธิ์วา-
จานะนั่นเป็นแค่ศีลนะ ศีลบริสุทธิ์ เป็นแต่ศีลบริสุทธิ์ เราบริสุทธิ์เจตนา
นั่นก็เป็นแต่เจตนาศีลน่ะ เราบริสุทธิ์กาย บริสุทธิ์วาจาเป็นสังวรศีลสำรวม
ระวังไว้ เราบริสุทธิ์เจตนาคิดอ่านทางใจมั่นเป็นเจตนาศีลนะ ไม่ใช่อธิศีล
หรอก ยังไม่ถึงอธิศีล ถ้าถึงอธิศีลแล้วละก็เห็นเป็นดวงใสเท่าดวงจันทร์
ดวงอาทิตย์นั่น อยู่ในกลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ ใสบริสุทธิ์
เหมือนกระจกคันฉ่องส่องเงาหน้า เท่าดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ดวง-
กลมอยู่ในกลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์นั่นแหละ ถ้าเห็นศีลดวง
นั้นเข้าแล้วละก็ นั่นแหละเขาเรียกว่า อธิศีลเห็น
เมื่อไปรู้จักอธิศีลแล้วละก็ อธิจิตก็อยู่ในกลางอธิศีลนั่นแหละ
ดวงเท่าๆ กับดวงศีล ที่กายวาจาเราสงบดีก็เพราะอาศัยจากใจของเรา
เจตนาสงบดี นั่นเป็นสมาธิเป็นสมาธิแต่ภายนอก ไม่ใช่สมาธิสำคัญ เมื่อ
เข้าถึงอธิจิต อยู่ในกลางของอธิศีลนั่นดวงเท่า ๆ กัน ดวงเท่าดวงศีลอยู่ใน
กลางดวงของศีลนั่นเท่าดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ ถ้าเข้าถึงอธิจิตเช่นนั้นละก็
ได้ชื่อว่าเป็นผู้มั่นคงละไม่โยกคลอนไปตามใครละ เข้าถึงอธิจิตเสียแล้ว ยัง
ไม่ลึกซึ้งเท่าอธิปัญญา
อธิปัญญาเห็นสูงกว่านั้น เราอุตส่าห์พยายามให้เข้าถึงอธิปัญญา
แม้จะเฉลียวฉลาดในกายวาจาสักเท่าหนึ่งเท่าใดเรียกว่าฉลาด อ้ายนั่นก็
ปัญญาภายนอก เจตนาคล่องแคล่วอย่างหนึ่งอย่างใด ก็เรียกว่าความ
ฉลาดของปัญญาเป็นภายนอก เข้าถึงปัญญาอยู่ในกลางดวงของศีล
นั่นแหละ ใสยิ่งกว่าใสขึ้นไป สะอาดยิ่งกว่าสะอาดขึ้นไป เท่า ๆ ดวงจันทร์
ดวงอาทิตย์เหมือนกัน เมื่อเข้าถึงดวงปัญญาเช่นนั้นละก็ นั่นแหละเป็น
จากยอดดอย