ข้อความต้นฉบับในหน้า
๑๒๐
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ มหาวิหารเชตวันใกล้
พระนครสาวัตถี พระภิกษุสงฆ์จำนวนมากเมื่อบิณฑบาตและเสร็จภัตกิจแล้ว
จึงได้เข้าเฝ้าพระบรมศาสดากราบทูลเรื่องที่นักบวชต่าง ๆ นำความเห็นมา
โต้แย้งกัน พระพุทธองค์จึงตรัสเรื่องราวในอดีตว่า
อดีตกาล
ในอดีตกาล ณ กรุงสาวัตถีนี้เอง มีพระราชาพระองค์หนึ่ง วันหนึ่ง
พระองค์ทอดพระเนตรเห็นช้างทรงของพระองค์ มีพระดำริว่า “ยานคือช้าง
ตัวเจริญช่างงาม ช่างน่าชมจริงหนอ” ขณะนั้นมีคนตาบอดแต่กำเนิดคนหนึ่ง
เดินอยู่บริเวณพระลานหลวง พระองค์จึงมีดำริว่า “คนตาบอดนี้ช่างโชคร้าย
เสียจริงที่ไม่ได้เห็นช้างทรงแสนงามปานนี้” แล้วพระองค์มีดำริต่อไป
ตามอุปนิสัยรักสนุกของพระองค์ “เออ...เราจะให้คนตาบอดแต่กำเนิดเท่าที่
มีอยู่ทั้งหมด มารวมกันที่นี่แล้วให้เอามือจับต้องช้างคนละส่วน ๆ ดูสิว่า
พวกเขาจะพูดว่ายังไง”
ตาบอดคลำาช้าง
เมื่อเหล่าคนตาบอดในกรุงสาวัตถีมาประชุมกันแล้ว พระราชาจึง
ให้เจ้าหน้าที่ประจำราชสำนักคนหนึ่งนำช้างทรง มาให้คนตาบอดกลุ่มหนึ่ง
จับศีรษะช้าง อีกกลุ่มหนึ่งให้จับหูช้าง งาช้าง งวงช้าง ตัวช้าง เท้าช้าง หลัง
ช้าง โคนหางช้าง ปลายหางช้าง ต่างกลุ่มต่างแยกจับกันคนละส่วน ๆ ตาม
ลำดับ ลำดับนั้นพระราชาจึงตรัสถามว่า
“ดูก่อนคนตาบอดทั้ง ทั้งหลาย พวกท่านได้เห็นช้างแล้วหรือ”
“ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายได้เห็นแล้วพระเจ้าข้า”
พระราชาจึงทรงถามต่อว่า
“ท่านทั้งหลาย แล้วช้างเป็นอย่างไร”
พวกคนตาบอดที่ลูบค าศีรษะช้าง ได้กราบทูลว่า
จากยอดดอย