ข้อความต้นฉบับในหน้า
บทที่ 1
ปฐมบทว่าด้วยศาสตร์แห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ความนํา
มนุษยชาติเกิดมาล้วนมีความแตกต่างกัน ทั้งทางด้านหน้าตา สติปัญญา ความรู้ความสามารถ
และสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ จากการศึกษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำให้เราทราบว่า ความ
แตกต่างทั้งปวงนั้นเป็นผลอันเนื่องมาจากการกระทำของแต่ละบุคคลที่ทำไว้ในอดีตมาส่งผลในปัจจุบัน ดังที่
กล่าวมาแล้วในวิชากฎแห่งกรรม ความแตกต่างเหล่านี้นำมาซึ่งความขัดแย้งหลายประการ มีความขัดแย้ง
เรื่องผิวพรรณ การแบ่งแยกสีผิว การแบ่งชนชั้นวรรณะ แบ่งพรรคแบ่งพวก เป็นต้น ปัญหาเหล่านี้ล้วนมีมา
เนิ่นนานทุกยุคทุกสมัย
นอกจากปัญหาความขัดแย้งดังที่กล่าวมาแล้ว ยังมีปัญหาความขัดแย้งที่สำคัญอีกประการหนึ่ง
คือ ปัญหาความขัดแย้งทางด้านความคิด เพราะต่างเชื้อชาติ ต่างเผ่าพันธุ์ ต่างสิ่งแวดล้อม ต่างความเชื่อ
สิ่งเหล่านี้ย่อมทำให้เกิดการสั่งสมประสบการณ์ หล่อหลอมความคิด คำพูด การกระทำจนเป็นนิสัยที่แตกต่างกัน
โดยเฉพาะความเชื่อมีผลต่อความคิดของคนที่ทำให้เกิดความแตกต่าง และยากต่อการลบล้าง
ที่สำคัญ คือ ความเชื่อของมนุษย์หลายประการนำไปสู่ความคิดที่ผิด ที่เรียกตามศัพท์ทางพระพุทธ
ศาสนาว่า มิจฉาทิฏฐิ คือ ความเห็นผิดในเรื่องโลกและความเป็นจริงของชีวิต เช่น เรื่องการให้ทานไม่มีผล
การสงเคราะห์ไม่มีผล พ่อแม่ไม่มีคุณ โลกนี้ โลกหน้าไม่มี บุญ บาป นรก สวรรค์ไม่มี เป็นต้น ความเห็นผิด
เหล่านี้ก่อให้เกิดการกระทำที่ผิดต่อศีลธรรมอันดีงามของความเป็นมนุษย์ ส่งผลกระทบทางด้านลบต่อการ
ดำเนินชีวิตของคนในสังคมโลกเป็นวงกว้าง
ผลร้ายจากความเห็นผิด มีโทษร้ายแรงทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ตลอดจนสังคมโลก พวกที่เห็นผิดจะ
พยายามผูกมิตรชักชวนผู้คนให้เข้ามาเป็นสมัครพรรคพวกหรือเครือข่ายของตนอยู่เสมอ เช่น ในวงการพนัน
หรือวงเหล้า คนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เมื่อได้สนทนากันเพียงเล็กน้อย ก็ร่วมวงเล่นการพนันกันได้ ร่วมดื่ม
สุราสรวลเสเฮฮากันได้ เพียงได้ร่วมวงกันครั้งเดียว พวกมิจฉาทิฏฐิชนก็สามารถผูกมิตร สร้างเครือข่าย
มิจฉาทิฏฐิให้กว้างไกลออกไปได้อย่างรวดเร็ว เหมือนไฟลามทุ่ง
ดังนั้น มิจฉาทิฏฐิบุคคลแม้เพียงคนเดียว ย่อมสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายให้ขึ้นในสังคมได้ เพราะ
เหตุนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสว่า มิจฉาทิฏฐิบุคคลเดียวหากเกิดขึ้นในโลก ก็สามารถทำความพินาศให้
เกิดขึ้นแก่โลกได้
ในทางกลับกัน ผู้ที่มีสัมมาทิฏฐิ คือ ผู้ที่มีความเข้าใจถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องโลก และความเป็นไป
ของชีวิตตามความเป็นจริง แม้เพียงคนเดียวย่อมยังโลกนี้ให้สว่างไสวรุ่งเรืองขึ้นมาได้ ดังเช่น พระสัมมา
สัมพุทธเจ้าของเรา ที่ทรงบังเกิดขึ้นมาเพื่อยังโลกนี้ให้สว่างไสวด้วยแสงแห่งธรรม ส่องใจสรรพสัตว์ที่มืดบอด
ด้วยอวิชชา ความไม่รู้) มากด้วยความเห็นผิด ให้มีปัญญาที่สว่างไสว แก้ไขความเห็นผิดให้หมดไปจากใจของ
สรรพสัตว์ทั้งหลาย ยังผลให้เกิดความสงบสุขร่มเย็นแก่มวลมนุษยชาติ แม้พระองค์จะดับขันธปรินิพพาน
นานมาแล้ว แต่พระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ยังดำรงอยู่ หากผู้ใดได้ศึกษาและปฏิบัติตาม ย่อมนำความ
บทที่ 1 ปฐมบทว่าด้วยศาสตร์แห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า DOU 5