พระพุทธศาสนาและหน่วยเวลาในอสงไขยและมหากัป GL 204 ศาสตร์แห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หน้า 50
หน้าที่ 50 / 209

สรุปเนื้อหา

บทความนี้กล่าวถึงการสร้างบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและการอุบัติขึ้นในมนุสสภูมิ โดยชี้ให้เห็นความสำคัญของหน่วยเวลาในพระพุทธศาสนา เช่น อสงไขยและมหากัป ซึ่งมีความยาวนานและไม่สามารถนับได้ด้วยวิธีปกติ นอกจากนี้ยังมีการอธิบายว่าหน่วยเวลาเหล่านี้มีความหมายอย่างไร และทำไมจึงควรศึกษาเพื่อเข้าใจถึงธรรมะภายในที่พระพุทธองค์ตรัสรู้อย่างแท้จริง เนื้อหาถูกถ่ายทอดจากการอธิบายคำที่เกี่ยวข้องในบริบทของพระพุทธศาสนา ซึ่งกระตุ้นให้นักศึกษานั้นมีความเข้าใจในระดับที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

หัวข้อประเด็น

-การสร้างบารมี
-การอุบัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
-หน่วยเวลาในพระพุทธศาสนา
-อสงไขย
-มหากัป

ข้อความต้นฉบับในหน้า

เมื่อพระพุทธองค์ทรงสร้างบารมีจนเต็มเปี่ยมบริบูรณ์แล้ว ก็จะเสด็จอุบัติขึ้นยังมนุสสภูมิ เพื่อมา ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สั่งสอนสรรพสัตว์ทั้งหลาย ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์จะไม่ เสด็จอุบัติขึ้นในภพภูมิอื่นๆ หรือในทวีปอื่นๆ แต่จะเสด็จอุบัติขึ้นเป็นมนุษย์และตรัสรู้ที่ชมพูทวีปเท่านั้น และ จะทรงเสด็จอุบัติขึ้นเฉพาะกับที่เป็นอสุญกับเท่านั้น โดยแต่ละพระองค์ที่อุบัติขึ้นนั้น ได้สร้างบารมีมาอย่าง น้อยไม่ต่ำกว่า 20 อสงไขยกับแสนมหากัป เมื่อได้กล่าวมาถึงตอนนี้ นักศึกษาบางท่านอาจจะยังไม่เข้าใจใน ความหมายของคำว่า อสงไขย มหากัป จึงจะได้กล่าวอธิบายคำเหล่านี้ต่อไป 2.5.1 หน่วยเวลา เรื่องของหน่วยเวลาที่นับจำนวนเป็นอสงไขยและเป็นจำนวนมหากัป มีปรากฏเฉพาะใน พระพุทธศาสนาเท่านั้น ไม่มีปรากฏในที่อื่น เพราะหน่วยเวลานี้ เป็นหน่วยเวลาที่พระพุทธเจ้าทรงนำมาตรัส แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายให้ทราบ และเป็นหน่วยเวลาที่พระพุทธองค์ทรงดำเนินชีวิตในการสร้างบารมีมาอย่าง ยาวนานมากจนไม่มีหน่วยเวลาใดที่จะสามารถนับได้ นอกเสียจากหน่วยเวลาที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ เพราะ หน่วยเวลานี้พระพุทธองค์ทรงรับรู้มาด้วยพระองค์เองจากการสร้างบารมีฉะนั้นหน่วยเวลาในพระพุทธศาสนา จึงมีความยาวนานมาก ทำให้ยากที่จะเข้าใจหรือเห็นภาพได้อย่างง่ายดาย เว้นเสียแต่ได้ลงมือปฏิบัติธรรม แล้วบรรลุถึงธรรมะภายในอย่างที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้เมื่อใด ก็จะสามารถเข้าใจและเห็นภาพของหน่วย เวลาในพระพุทธศาสนาได้อย่างถูกต้องแน่นอน ดังต่อไปนี้ ดังนั้น กาลเวลาที่นับอสงไขยและมหากัปนั้น เป็นเวลายาวนานมาก ก็จะได้อธิบายขยายความ 1. กาลเวลาที่เรียกว่า อสงไขย คือ การกำหนดเวลาที่จะนับจะประมาณไม่ได้ ซึ่งมีอุปมาเปรียบ เทียบไว้ว่า “ฝนตกใหญ่มโหฬารทั้งวันทั้งคืนเป็นเวลานาน 3 ปี ไม่ได้ขาดสายเลย จนน้ำฝนท่วมเต็มขอบ จักรวาลมีระดับความสูง 84,000 โยชน์ ถ้าสามารถนับเม็ดฝนที่ตกลงมาตลอดทั้ง 3 ปี ที่ท่วมเต็มขอบ จักรวาลมีระดับความสูง 84,000 โยชน์ อย่างต่อเนื่อง 1 อสงไขย ได้จำนวนเท่าใด จำนวนเม็ดฝนที่ นับได้เป็น 1 อสงไขย 2. กาลเวลาที่เรียกว่า อสงไขยปี คือ หน่วยนับจำนวนอายุที่ยืนยาวที่สุดของมนุษย์ โดยได้กำหนด ค่าของอสงไขยปีไว้ว่า “1 อสงไขยปีเท่ากับ 10140 3. กาลเวลาที่เรียกว่า อายุกัป คือ อายุขัยของสัตว์ที่เกิดในภูมินั้นๆ เช่น โลกมนุษย์เรานี้เมื่อ สมัยพุทธกาล มนุษย์ส่วนใหญ่อายุเฉลี่ย 100 ปี เป็นอายุกับ ปัจจุบันอายุมนุษย์เฉลี่ย 75 ปี ก็นับเอา 75 ปี เป็นอายุกัป ส่วนในเทวภูมิ เช่น สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกามีอายุขัย 500 ปีทิพย์ ก็นับเอาจำนวนดังกล่าว เป็นอายุกัป แม้ในภูมิอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน 4. กาลเวลาที่เรียกว่า มหากัป คือ หน่วยนับระยะเวลาที่โลกเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และเสื่อมสลายไปครบ 1 รอบ เป็นเวลา 4 อสงไขยกัป รวมเรียกเป็น 1 มหากัป ระยะเวลาในมหากัปหนึ่งๆ นั้นยาวนานมาก ไม่ สามารถกำหนดนับได้ ซึ่งมีอุปมาเปรียบเทียบไว้ว่า “มีภูเขาหินลูกใหญ่กว้าง ยาว สูง อย่างละ 1 โยชน์ ไม่มีช่อง ไม่มีโพรง เป็นแท่งทึบ บุรุษพึงเอาผ้าจากแคว้นกาสีมาแล้วปัดภูเขานั้น 100 ปีต่อครั้ง เมื่อใด บทที่ 2 ธ ร ร ม ช า ติ ข อ ง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า DOU 39
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More