ข้อความต้นฉบับในหน้า
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมียาน คือ พาหนะที่ทรงประทับในวันที่ออกบวชไม่เหมือนกัน พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
บางพระองค์ทรงประทับด้วยช้าง บางพระองค์ประทับด้วยม้า บางพระองค์ประทับด้วยรถ บางพระองค์
ดำเนินด้วยพระบาท หรือปราสาท หรือวอ เป็นต้น อย่างใดอย่างหนึ่ง อย่างเช่น พระสมณโคดมพุทธ
เจ้าของพวกเรา ทรงประทับด้วยม้า ในวันที่ออกบวช
ความแตกต่างกันของโพธิพฤกษ์ คือ ความที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับนั่งบำเพ็ญเพียรใต้
ต้นไม้ที่ต่างชนิดกัน หมายถึง ต้นไม้ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับนั่งในวันตรัสรู้นั้นต่างประเภทกัน เช่น
พระสุเมธพุทธเจ้า มีโพธิพฤกษ์ชื่อ นีปะ คือ ต้นกะทุ่ม พระสิทธัตถพุทธเจ้า มีโพธิพฤกษ์ชื่อ กณิการะ คือ
ต้นกรรณิการ์ พระสมณโคดมพุทธเจ้า มีโพธิพฤกษ์ชื่อ อัสสัตถะ คือ ต้นโพธิ์ เป็นต้น
ความแตกต่างกันของบัลลังก์ คือ บัลลังก์ที่ประทับในวันตรัสรู้ต่างกัน หมายถึง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทรงใช้บัลลังก์ที่ประทับมีความสูงที่ไม่เท่ากันในวันตรัสรู้ เช่น พระวิปัสสีพุทธเจ้า มีบังลังก์สูง 53 ศอก
พระสุมนพุทธเจ้า มีบังลังก์สูง 60 ศอก พระสมณโคดมพุทธเจ้า มีบังลังก์สูง 14 ศอก เป็นต้น
ความแตกต่างกันของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ที่กล่าวมาแล้วนี้ เป็นความแตกต่างกันที่
เกิดจากการสั่งสมบ่มบารมี ตลอดจนระยะเวลาในการฝึกฝนตนเองระหว่างเส้นทางการสร้างบารมีและช่วง
เวลาที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ทรงมาอุบัติขึ้นนั้นต่างกัน สิ่งเหล่านี้จึงทำให้แต่ละพระองค์มี
ความต่างกันในเรื่องดังที่กล่าวมาแล้ว ถึงแม้ทุกพระองค์จะสั่งสมบารมีมาเหมือนกัน เพื่อให้ได้คุณสมบัติและ
คุณธรรมที่เหมือนกัน จนกระทั่งได้มาตรัสรู้ในสิ่งเดียวกัน แต่ทุกพระองค์ก็ได้รับผลในชาติสุดท้ายไม่เหมือนกัน
ถึงแม้จะมีบารมีที่จะมาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ตาม
บทสรุป
จากที่กล่าวมาแล้วทั้งหมดนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็คือ มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ได้
เป็นเทพเจ้าผู้วิเศษหรือเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ และไม่ได้เป็นผู้สร้างสรรพชีวิตหรือสรรพสิ่งทั้งหลายในโลก แต่เป็น
บุคคลที่ตั้งความปรารถนาที่จะมาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงได้สั่งสมบารมีอย่างมากมาย ซึ่งการ
สร้างบารมีนั้นไม่ใช่เพียงแค่ทำวันนี้หรือพรุ่งนี้แล้วจะได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เลย แต่ทุกพระองค์ต่าง
ต้องสั่งสมบารมีมาเป็นเวลายาวนานหลายภพหลายชาติ โดยอย่างน้อยที่สุดต้องสร้างบารมี 20 อสงไขยกับ
แสนมหากัป อย่างเช่นพระโคดมพุทธเจ้า พระองค์ปัจจุบันนี้ แต่ถ้าสร้างบารมีกันยาวนานที่สุดก็ 80 อสงไขย
กับแสนมหากัป เมื่อบารมีเต็มเปี่ยมบริบูรณ์ก็ได้มาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยเหตุนี้พระองค์จึง
ทรงมีพระคุณและคุณประโยชน์อย่างมากมายต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย และทำให้พระองค์ได้ที่สุดแห่งรูปสมบัติ
คือ กายมหาบุรุษที่ใครก็ตามที่ได้พบเห็นก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธา เทิดทูนบูชา นอกจากนี้ยังทำให้พระองค์
ทรงเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่สมบูรณ์ที่สุด เพราะได้เข้าถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าภายในกายของพระองค์
การสร้างบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในแต่ละพระองค์ก็สร้างบารมีกันมายาวนาน ทรงเกิดใน
ภพต่างๆ เป็นอันมาก และด้วยการเวียนว่ายตายเกิด ด้วยการฝึกฝนอดทน มุ่งมั่นตั้งใจอย่างมาก จึงเป็น
เหตุให้พระพุทธองค์ทรงมีปัญญากว้างขวาง เป็นพระสัพพัญญูรอบรู้ทุกสิ่งทั้งปวง เพราะพระองค์ได้สะสม
ปัญญามาจากการเกิดในแต่ละชาติ จึงทำให้พระองค์เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องว่า “โลกนี้มีแต่ความทุกข์ ไม่
ว่าจะเป็นทุกข์ที่เกิดจากตนเองและที่เกิดมาจากคนอื่น” เมื่อมีความคิดอย่างนี้เกิดขึ้น จึงมีความคิดที่จะ
บทที่ 2 ธ ร ร ม ช า ติ ข อ ง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า DOU 45