การประกาศพระศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า GL 204 ศาสตร์แห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หน้า 155
หน้าที่ 155 / 209

สรุปเนื้อหา

เมื่อมีพระสาวกจำนวนมาก พระพุทธองค์ได้ส่งพระสาวกออกไปเผยแผ่ศาสนาให้แก่ประชาชน เพื่อสร้างประโยชน์สุขแก่สรรพสัตว์ และได้แสดงคำสอนที่สำคัญในอุรุเวลาเสนานิคม เมื่อพระสาวก 30 รูปได้บรรลุธรรมจากการฟังธรรมของพระองค์ การเดินทางนี้ทำให้มีประชาชนเข้ารับนับถือพระพุทธศาสนาและเพิ่มกำลังในการเผยแผ่ศาสนาอย่างรวดเร็ว พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนอย่างละเอียด จนทำให้ชฎิลทั้ง 3 พี่น้อง พร้อมบริวารได้เลื่อมใสในคำสอนและขอบวชด้วย เอหิภิกขุอุปสัมปทา โดยเสด็จไปยังอุรุเวลาเสนานิคมและแสดงธรรมสั้นอย่างมีประสิทธิภาพ

หัวข้อประเด็น

-การเผยแผ่พระศาสนา
-การบรรลุธรรมของพระสาวก
-พระพุทธเจ้าและพระชฎิลสามพี่น้อง
-ความสำคัญของการสอนธรรม
-การสร้างผู้ติดตามในพระศาสนา

ข้อความต้นฉบับในหน้า

เมื่อมีจำนวนของพระสาวกมากถึง 60 รูป ซึ่งพอที่จะเป็นกำลังในการเผยแผ่พระศาสนาเพื่อ ประโยชน์สุขแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย พระพุทธองค์จึงได้ส่งพระสาวกออกไปประกาศพระศาสนายังที่ต่างๆ ทั่วแผ่นดิน ซึ่งก่อนที่จะออกไปประกาศพระศาสนา พระพุทธองค์ก็ได้ให้โอวาทแก่พระสาวกเหล่านั้นว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราพ้นแล้วจากบ่วงทั้งปวง ทั้งที่เป็นของทิพย์ ทั้งที่เป็นมนุษย์ แม้พวก เธอก็พ้นแล้วจากบ่วงทั้งปวง ทั้งที่เป็นของทิพย์ ทั้งที่เป็นของมนุษย์ พวกเธอจงเที่ยวจาริก เพื่อ ประโยชน์และความสุขแก่ชนหมู่มาก เพื่ออนุเคราะห์โลก เพื่อประโยชน์เกื้อกูลและความสุขแก่ทวย เทพและมนุษย์ พวกเธออย่าได้ไปรวมทางเดียวกันสองรูป จงแสดงธรรมงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด จงประกาศพรหมจรรย์พร้อม ทั้งอรรถทั้งพยัญชนะครบบริบูรณ์บริสุทธิ์ สัตว์ทั้งหลายจำพวกที่มีธุลีคือกิเลสในจักษุ น้อย มีอยู่ เพราะไม่ได้ฟังธรรมย่อมเสื่อม ผู้รู้ทั่วถึงธรรม จักมี”1 ในการเดินทางจาริกไปประกาศพระพุทธ ศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระ สาวกทั้งหลาย ทำให้มีคนมานับถือพระพุทธ ศาสนากันอย่างมากมาย และมีกำลังในการ ประกาศพระศาสนาเพิ่มมากขึ้นอีกเป็นลำดับ ทำให้ความเชื่อที่มีอยู่ดั้งเดิมในยุคนั้นได้ถูก ทำให้เห็นแจ้งตามความเป็นจริงด้วยพระพุทธศาสนา ดังเช่นการที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไปยังอุรุเวลา เสนานิคม เป็นต้น 6.3.3 ประกาศศาสนา ณ อุรุเวลาเสนานิคม ระหว่างทางที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จสู่อุรุเวลาเสนานิคม ทรงหยุดพักที่ต้นไม้ใหญ่ ภัททวัคคีย์ 30 คน ได้มากราบทูลถามพระองค์ว่า “เห็นหญิงโสเภณี ผ่านมาทางนี้ไหม” พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัส ถามภัททวัคคีย์ทั้ง 30 คนว่า “พวกเธอต้องการจะแสวงหาหญิงขโมย หรือแสวงหาตนเองดี” ภัททวัคคีย์ ตอบพร้อมกันว่า “ข้าพระองค์แสวงหาตนเองดีกว่าพระเจ้าข้า” พระพุทธเจ้าทรงแสดงอนุปุพพิกถาและ อริยสัจ 4 จนบรรลุธรรม ขั้นต้น และพระองค์ทรงประทานการบวชแบบเอหิภิกขุอุปสัมปทา และได้แสดง ธรรมสั่งสอนต่อ จนกระทั่ง ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ทั้ง 30 คน และในครั้งนี้มีพระอรหันต์บังเกิดขึ้น 90 พระองค์ หลังจากนั้นพระพุทธองค์ก็เสด็จดำเนินมาจนถึงอุรุเวลาเสนานิคม ได้เข้าไปโปรดชฎิล 3 พี่น้อง คือ ชฎิลผู้เป็นพี่คนโต ชื่อว่า อุรุเวลกัสสปะ มีบริวาร 500 คน ชฎิลคนรอง ชื่อว่า นทีกัสสปะ มีบริวาร 300 คน ชฎิลคนเล็ก ชื่อว่า คยากัสสปะ มีบริวาร 200 คน ถือลัทธิบูชาไฟ พระองค์ทรงแสดงปาฏิหาริย์ถึง 16 ครั้ง กว่าที่จะทำให้ชฎิลทั้ง 3 พี่น้อง พร้อมด้วยบริวาร 1000 คนให้เลื่อมใสในคำสอนและขอออกบวชด้วย เอหิภิกขุอุปสัมปทา จากนั้นทรงแสดง “อาทิตตปริยายสูตร” ซึ่งเป็นพระสูตรที่กล่าวถึงอายตนะภายใน 6 เรื่องพ้นจากบ่วง, พระวินัยปิฎก มหาวรรค, มก. เล่ม 6 หน้า 72. อาทิตตปริยายสูตร, พระวินัยปิฎก มหาวรรค, มก. เล่ม 6 หน้า 105. 144 DOU ศาสตร์แห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More