ข้อความต้นฉบับในหน้า
เพื่อจะได้หลุดพ้นออกจากคุกใบนี้ ไปสู่ฝั่งพระนิพพานได้ในที่สุด สิ่งเหล่านี้ทำให้พระพุทธองค์เป็นผู้ทรงคุณค่า
เป็นที่เทิดทูนบูชาของมนุษย์และเทวาทั้งหลาย ซึ่งพระคุณของพระพุทธองค์ที่ได้สั่งสมมานั้น เรียกว่า
พระพุทธคุณ
ข. ความหมายของคำว่า พระพุทธคุณ
คำว่า “คุณ” มีความหมาย 2 อย่าง หมายถึง ความดี ความงาม และหมายถึง คุณประโยชน์ เมื่อ
กล่าวถึงความดีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วก็หมายถึงความบริสุทธิ์ของพระพุทธองค์ที่ปราศจากกิเลสทั้งปวง
เป็นความบริสุทธิ์ใจของพระพุทธองค์ที่เรียกว่า พระวิสุทธิคุณ นอกจากนี้ ความมีปัญญาที่ทรงมีความฉลาด
รอบรู้ในธรรมทั้งปวงก็เป็นความดีของพระพุทธองค์ เพราะเป็นปัญญาที่เกิดจากการตรัสรู้ของพระพุทธองค์เอง
โดยที่ไม่ต้องให้ใครมาสอนที่เรียกว่า พระปัญญาธิคุณ ส่วนคุณประโยชน์ของพระพุทธองค์ หมายถึง ความ
มีเมตตากรุณาที่คิดช่วยเหลือสรรพสัตว์ทั้งหลายให้พ้นทุกข์ โดยการสั่งสอนให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ
เรื่องโลกและชีวิตแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย เพื่อจะได้ดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องและจะได้ไม่ทำบาปอกุศลให้เกิด
ขึ้นอีกต่อไป แล้วในไม่ช้าก็จะเป็นเหมือนอย่างพระพุทธองค์ คือ หมดกิเลสเข้าพระนิพพานในที่สุด ซึ่ง
คุณประโยชน์นี้เรียกว่า พระกรุณาธิคุณ
ดังนั้น คำว่า “พระพุทธคุณ” จึงหมายถึง ความดีและคุณประโยชน์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่ง
คุณงามความดีและคุณประโยชน์ทั้งสองอย่างนี้ เป็นคุณความดีของพระพุทธองค์เอง ไม่ใช่เป็นคุณความดี
ของคนอื่น และคุณความดีนั้นยิ่งใหญ่มาก จนทำให้ท้าวสักกเทวราชผู้ยิ่งใหญ่และเหล่าเทวาทั้งหลาย แม้แต่
พรหมรวมทั้งมนุษยทั้งหลายก็ให้ความเคารพพระพุทธองค์ เพราะเหตุที่พระพุทธองค์ได้ทุ่มเทสร้างบารมีด้วย
กำลังกายและกำลังใจ จนชาติสุดท้ายได้สละราชสมบัติออกบรรพชา แล้วก็ทรงทุ่มเททำความเพียรอย่าง
แรงกล้าจนหมดสิ้นอาสวกิเลสบรรลุเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ในที่สุด
ค. พุทธคุณ 9 ประการ
คุณงามความดีและคุณประโยชน์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือที่เรียกว่า พระพุทธคุณ ที่มนุษย์และ
เทวาทั้งหลายต่างกล่าวสรรเสริญ มีทั้งหมด 9 ประการ ดังต่อไปนี้
ประการที่ 1 อรห์ แปลว่า ไกล หมายถึง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นผู้ที่ห่างไกลจากกิเลสหรือ
พ้นจากกิเลส เพราะทรงกำจัดกิเลสทั้งหลายให้หมดไปจากใจได้โดยไม่เหลือแม้กระทั่งเศษเสี้ยวของกิเลส ทำให้
พระพุทธองค์บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนกับแท่งทองชมพูนุท และมีใจที่มั่นคง ไม่หวั่นไหวในอิฏฐารมณ์ และ
อนิฏฐารมณ์ที่มากระทบ คือ ไม่ทรงยินดีในสิ่งที่น่าปรารถนา และไม่ทรงยินร้ายในสิ่งที่ไม่น่าปรารถนา
เปรียบเหมือนกับเสาเขื่อนที่มั่นคง ไม่คลอนแคลนหรือหวั่นไหวต่อพายุที่มาจากทิศทั้ง 4
1 ประเทศไทย เรียกว่า ชมพูนุท แต่ในที่อื่นกล่าวไว้ว่า บ่อทองเกิดขึ้นในที่ระหว่างผลหน้าตกที่ฝั่งทั้งสองของแม่น้ำที่ไหลผ่าน
ต้นหว้าใหญ่ เรียกว่า ชมพูนุท แปลว่า เกิดที่ฝั่งแม่น้ำต้นหว้า (จากหนังสือ 45 พรรษาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เล่ม 2,
พระสาสนโสภณ, หน้า 103)
บทที่ 2 ธรรมชาติ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า DOU 23