ข้อความต้นฉบับในหน้า
เมื่อศึกษาความรู้พื้นฐานทั่วไปแล้ว
จำเป็นจะต้องศึกษาตัวอย่างการสร้างบารมีของพระสัมมาสัม
พุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบัน ที่ยังมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์จารึกอยู่ในพระไตรปิฎกที่จะทำให้เรา ได้เห็นภาพ
การสร้างบารมี และการทำหน้าที่ของพระองค์ที่ทรงอุทิศให้กับโลกโดยมิเห็นแก่ความเหนื่อยยาก เริ่มด้วยบทที่
4 จะกล่าวถึงอดีตชาติการสร้างบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบันตั้งแต่พระชาติแรกที่ตั้งความ
ปรารถนาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จนถึงพระชาติสุดท้ายที่เป็นพระเวสสันดรได้บริจาคสุดยอดมหาทาน ก่อน
ที่จะจุติมาเกิดในปัจจุบัน ส่วนในบท 5-7 เป็นพุทธประวัติพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราพระองค์ปัจจุบัน ซึ่ง
แบ่งออกเป็นช่วงๆ ตั้งแต่ปฐมกาล มัชฌิมกาล ปัจฉิมกาล โดยนำเสนอเฉพาะเหตุการณ์สำคัญๆ ตั้งแต่พระ
โพธิสัตว์ เป็นเทพบุตรจุติลงมาเกิดเป็นเจ้าชายสิทธัตถะเสวยสุขในพระราชวัง ได้ออกผนวช ได้ตรัสรู้ธรรมเป็น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เผยแผ่ธรรม จนกระทั่งเสด็จดับขันธปรินิพพาน การศึกษาพุทธประวัตินี้ เพื่อให้
แบบอย่างในการพฤติปฏิบัติแก่พวกเราทั้งหลาย อีกทั้งจะยังความเลื่อมใสในพุทธจริยาและยังศรัทธา
ให้เกิดขึ้นในใจของเรา และจะได้ตระหนักถึงพระคุณอันไม่มีประมาณของพระองค์ที่มีต่อสัตว์โลกอีกด้วย
ส่วนในบทสุดท้ายนี้ เป็นเสมือนบทสรุปวิชาศาสตร์แห่งความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ได้กล่าว
ถึงการปฏิบัติตามแนวทางแห่งความหลุดพ้นที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงค้นพบและนำมาสั่งสอนชาวโลกทั้งหลาย
เพื่อให้เราได้มีแนวทางในการนำไปปฏิบัติเพื่อความเป็นพุทธะ หรือเข้าถึงพุทธภายในสืบไป หากประสบผล
ในชาตินี้ก็จะได้ชื่อว่า เป็นสาวกพุทธะคือผู้ตรัสรู้ตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ในบทที่ 8 นี้ หลังจากที่นักศึกษาได้ทำความเข้าใจเรื่องการดำเนินสู่ความเป็นพุทธะตามลำดับแล้ว
ตั้งแต่ความหมายของพุทธะ มัชฌิมาปฏิปทาสู่ความเป็นพุทธะ และการปฏิบัติมุ่งสู่ความเป็นพุทธะตามลำดับ
โดยสาระสำคัญแล้ว เนื้อหาธรรมะที่นำมาใช้ในการประกอบการอธิบายอยู่ในธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ซึ่งมี
ประเด็นที่ชัดเจนในเรื่องของการปฏิบัติสู่ความเป็นพุทธะ เพราะเป็นพระสูตรแรกที่พระพุทธเจ้าทรงเทศนา
สั่งสอน มีพระอัญญาโกณฑัญญะเป็นผู้ปฏิบัติตาม จนรู้เห็นตาม เป็นพยานในการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมา
สัมพุทธเจ้า ใจความสำคัญของพระสูตรอยู่ที่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแนะให้พระภิกษุเว้นทางสุดโต่ง
2 สาย คือ กามสุขัลลิกานุโยค และอัตตกิลมถานุโยค และทรงแนะนำข้อปฏิบัติอันเป็นกลางที่เรียกว่า มัชฌิมา
ปฏิปทา ซึ่งตถาคตได้ตรัสรู้แล้ว ด้วยปัญญาอันยิ่งของพระองค์เอง มัชฌิมปฏิปทานี้เองที่เป็นเส้นทางเดินสู่
ความเป็นพุทธะ คือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ผู้หมดกิเลสแล้วนั่นเอง การดำเนินตามเส้นทางสายกลางนั้น ใน
ทางทฤษฎีให้ปฏิบัติตามมรรคมีองค์ 8 อันประกอบด้วย สัมมาทิฏฐิเป็นเบื้องต้น สัมมาสมาธิเป็นที่สุด หาก
อธิบายขยายความตามพระธรรมเทศนาพระมงคลเทพมุนี คำว่า ทางสายกลางหมายถึงการปฏิบัติสมาธิที่
ดำเนินจิตไปให้หยุดนิ่งอยู่ ณ ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 ได้นั่นแหละชื่อมัชฌิมาและก็เข้ากลางดวง กลางกาย
ไปตามลำดับ จนสามารถละกิเลสได้ในที่สุด
อันที่จริงแล้วเนื้อหาทางด้านปริยัตินั้นไม่ได้มีการขยายความไว้มากนักหรือแม้จะมีการขยายความบ้าง
แต่ก็ยังไม่ละเอียดชัดเจน แต่นับว่าเป็นความโชคดีของเราที่มีโอกาสได้พบคำสอนของพระมงคลเทพมุนี
ผู้ทุ่มเทเอาชีวิตเป็นเดิมพันในการฝึกปฏิบัติสมาธิ จนประสบความสำเร็จ และได้เผยแผ่วิธีการปฏิบัตินั้น
กว้างขวางออกไป จนเป็นที่รู้จักของคนในสมัยก่อนกระทั่งถึงปัจจุบัน คำเทศนาของพระมงคลเทพมุนี นอก
จะมีพระบาลีอ้างอิงเพื่อยืนยันความถูกต้องตามพระพุทธวจนะแล้ว ยังลงรายละเอียดลึกซึ้งนำไปสู่การ
ปฏิบัติอีกด้วย ดังนั้นพระธรรมเทศนาของพระมงคลเทพมุนีที่นำมาประกอบการอธิบายในเรื่องการปฏิบัติ
เพื่อเข้าสู่ความเป็นพุทธะนั้น จึงทำให้เกิดความเข้าใจได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น แต่อาจจะเกิดข้อสงสัยในบางประเด็น
บทที่ 8 วิถี สู่ ความเป็นพุทธะ DOU 197