ข้อความต้นฉบับในหน้า
หลังจากที่พระพุทธองค์ตรัสรู้แล้วทรงมีพระราชหฤทัยเบิกบานอย่างสูงสุด อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ถึงกับอุทานว่า “เราเมื่อแสวงหานายช่างคือตัณหา ผู้กระทำเรือน เมื่อไม่ประสบ ได้ท่องเที่ยวไปยังสงสาร
มิใช่น้อย ความเกิดบ่อยๆ เป็นทุกข์ ดูก่อนนายช่างผู้กระทำเรือน เราเห็นท่านแล้ว ท่านจักทำเรือนไม่ได้อีก
ต่อไป ซี่โครงทั้งปวงของท่าน เราหักแล้ว ยอดเรือนเรากำจัดแล้ว จิตของเราถึงวิสังขารคือนิพพานแล้ว
เราได้ถึงความสิ้นตัณหาแล้ว” จากนั้นพระองค์ก็ทรงนั่งปฏิบัติธรรมและพิจารณาธรรมตามที่ต่างๆ ดังนี้
สัปดาห์ที่ 1 พระพุทธเจ้าหลังจากประทับนั่งเปล่งพระอุทานแล้ว ก็ทรงดำริว่า “เราแล่นไปถึงสี่
อสงไขยกับแสนกัป ก็เพราะเหตุบัลลังก์นี้ เราตัดศีรษะอันประดับแล้วที่ลำคอแล้วให้ทานไปตลอดกาลมี
ประมาณเท่านี้ ก็เพราะเหตุบัลลังก์นี้ เราควักนัยน์ตาที่หยอดดีแล้ว และควักเนื้อหัวใจให้ไป ให้บุตร เช่น
ชาลีกุมาร ให้ธิดาเช่นกับกัณหาชินากุมารี และให้ภรรยา เช่น พระมัทรีเทวี เพื่อเป็นทาสของคนอื่นๆ เพราะ
เหตุบัลลังก์นี้ บัลลังก์นี้เป็นบัลลังก์ชัย เป็นบัลลังก์ประเสริฐของเรา ความดำริของเราผู้นั่งบนบัลลังก์นี้
ยังไม่บริบูรณ์เพียงใด เราจักไม่ลุกขึ้นจากบัลลังก์นี้เพียงนั้น” จากนั้นพระองค์ทรงประทับนั่งเสวยวิมุตติสุข
โดยบัลลังก์เดียวเป็นเวลา 7 วัน สถานที่นี้จึงชื่อว่า “โพธิบัลลังก์”
สัปดาห์ที่ 2 ทรงนั่งปฏิบัติธรรมต่อไปอีก 7 วัน พอครบ 7 วัน ก็เสด็จลงจากรัตนะบัลลังก์ไปประทับ
อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือได้ทอดพระเนตรดูต้นโพธิ์ใหญ่ถึง 7 วัน สถานที่นี้เรียกว่า “อนิมิสเจดีย์”
สัปดาห์ที่ 3 พระองค์ทรงเนรมิตรัตนะจงกรมในระหว่างกลางแห่งต้นศรีมหาโพธิ์กับอนิมิสสเจดีย์
แล้วเสด็จเดินจงกรมหันหน้าไปทางทิศเหนือของต้นโพธิใหญ่ ทรงเดินจงกรมอยู่ที่นี่ 7 วัน สถานที่นี้เรียกว่า
“รัตนจงกรม”
สัปดาห์ที่ 4 เสด็จจากรัตนจงกรมมาประทับนั่งพิจารณาพระอภิธรรมปิฎกอยู่ที่เรือนแก้วที่เทวดา
ทั้งหลายเนรมิตถวายอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของต้นโพธิใหญ่นั้น ทรงพิจารณาธรรมที่พระองค์ได้ตรัสรู้
เป็นเวลา 7 วัน สถานที่นี้เรียกว่า “รัตนฆรเจดีย์”
สัปดาห์ที่ 5 เสด็จจากรัตรฆรเจดีย์มาที่ต้นอชปาลนิโครธ ประทับนั่งสมาธิในที่นี้เป็นเวลา 7วัน ในที่
นี้เองที่พระองค์ได้เจอพราหมณ์ผู้หนึ่งที่มักตวาดผู้อื่นด้วยคำว่า “หึ หึ” ได้เข้ามาทูลถามพระองค์ถึงธรรม
ที่ทำให้บุคคลเป็นพราหมณ์ พระองค์ก็ได้เอาธรรมะที่ทำให้บุคคลให้เป็นพราหมณ์มาตรัสตอบแก่พราหมณ์
สัปดาห์ที่ 6 เสด็จจากต้นอชปาลนิโครธมาประทับนั่งสมาธิภายใต้ต้นมุจลินท์ ซึ่งขณะนั้นมีเมฆฝน
ดำใหญ่ก่อตัว พระยามุจลินทนาคราชได้ขดตัวล้อมรอบแผ่พังพานใหญ่เหนือพระเศียรของพระพุทธเจ้าด้วย
หวังในใจว่า ความร้อน ฝน แดด ลมอย่าได้เบียดเบียนพระพุทธเจ้า พอเวลาผ่านไป 7 วัน มุจลินทนาคราช
ได้แปลงกายเป็นมาณพหนุ่มกราบนมัสการเบื้องพระพักตร์พระพุทธเจ้า
สัปดาห์ที่ 7 เสด็จจากต้นมุจลินท์เข้าไปยังต้นราชายตนะ ประทับนั่งบัลลังก์เดียว เสวยวิมุตติสุข
อีก 7 วัน พอครบ 49 วัน ท้าวสักกะเทวราชได้นำผลสมอ อันเป็นสมุนไพรมาถวาย
ในที่นี้ท้าวมหาราชทั้ง 4 ได้นำบาตรศิลามาถวาย และได้มีอุบาสกเกิดขึ้นคู่แรกของโลก คือ ตปุสสะ
* อปัณณกวรรค อวิทูเรนิทาน, ขุททกนิกาย ชาดก, มก. เล่ม 55 หน้า 123
อปัณณกวรรค อวิทูเรนิทาน, ขุททกนิกาย ชาดก, มก. เล่ม 55 หน้า 124
ต้นอชปาลนิโครธ คือ ต้นไทรซึ่งเป็นที่พักของคนเลี้ยงแพะ
140 DOU ศาสตร์แห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า