ข้อความต้นฉบับในหน้า
เมื่อนางอมิตตตาได้รับการบริภาษและถูกดูหมิ่นเช่นนั้น ก็กระดากอาย จึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้สามีแก่ฟัง
ชูชกหลงใหลในตัวนาอมิตตตาอยู่แล้ว จึงได้ปลอบโยนและเอาใจภรรยาสาว โดยไม่ให้นางไปตักน้ำมาให้ตนอีก
ตนจะไปตักมาเอง แต่นางอมิตตตากลับปฏิเสธ เนื่องจากไม่ได้เกิดในตระกูลที่ใช้สามีให้ตักน้ำ จึงให้ชูชกไป
ขอทาสจากพระเวสสันดรมาให้ตน ถ้าหามาไม่ได้ก็จะไม่อยู่กับชูชกอีก
พอชูชกได้ฟังเช่นนั้นก็ตกใจ กลัวว่าภรรยาสาวจะไม่อยู่กับตนเอง จึงตัดสินใจออกเดินทางไปขอ
ทาสและทาสีจากพระเวสสันดร เพื่อเอาอกเอาใจบำรุงบำเรอนางอมิตตตาภรรยาสาว โดยไม่เห็นแก่ความ
ยากลำบาก เมื่อชูชกเดินทางเข้าไปในนครเชตุดร ได้ไต่ถามประชาชนที่มาประชุมกันตามสถานที่ต่างๆ จึง
ทราบว่าพระเวสสันดรถูกขับไล่ไปอยู่เขาวงกตและรู้ว่าพระเวสสันดรไม่ได้เสด็จไปตามลำพังแต่ยังมีพระนางมัทรี
พระโอรสและธิดาติดตามไปด้วย จึงตั้งใจว่าจะไปขอกัณหาชาลีราชกุมาร แล้วมุ่งหน้าไปทางเขาวงกตตามลำพัง
พระ
เมื่อไปถึงทางเข้าป่าใหญ่ ชูชกก็ถูกฝูงสุนัขล่าเนื้อวิ่งเข้าใส่หมายจะขย้ำคอกัดให้ตาย ชูชกเห็นก็รีบ
วิ่งหนีขึ้นต้นไม้เอาตัวรอดอย่างทุลักทุเล ฝ่ายพรานเจตบุตรที่เหล่าพญาเจตราชแต่งตั้งให้อารักขา
เวสสันดรนั้น ก็คิดจะฆ่าชูชก เพราะเห็นลักษณะท่าทางแล้วเหมือนผู้ไม่ประสงค์ดี แต่ด้วยความเป็นผู้มีไหวพริบ
จึงพูดโกหกพรานว่า ตนเป็นราชทูตที่พระเจ้าสัญชัยส่งมาเชิญพระเวสสันดรเสด็จกลับพระนคร ทำให้พราน
เจตบุตรเชื่ออย่างสนิทใจ และเกิดปีติยินดี จึงได้ชี้บอกทางที่อยู่ของพระเวสสันดรอย่างละเอียด แล้วก็ออก
เดินทางต่อไปจนถึงสำนักของอัจจุตฤาษี
เมื่อเดินทางไปถึง ก็เข้าไปสนทนากับอัจจุตฤาษีไต่ถามสารทุกข์สุกดิบกันจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ชูชกก็เลียบเคียงถามถึงที่อยู่ของพระเวสสันดร ท่านดาบสได้ฟังคำถามเช่นนั้น ก็เกิดความสังหรณ์ใจคิดว่า
ชูชกคงจะไม่ได้มาดีอย่างแน่นอน จึงไม่ยอมบอกให้ทราบ แต่ด้วยความมีไหวพริบ ชูชกจึงแสร้งพูดประจบ
ประแจงถึงประโยชน์ที่ตนมาในครั้งนี้ อัจจุตฤาษีฟังเช่นนั้น หลงเชื่อถ้อยคำของชูชก จึงได้เหยียดมือชี้ไป
ทางที่ประทับของพระเวสสันดร พร้อมกับแนะนำเส้นทางอย่างละเอียดถี่ถ้วน ชูชกครั้นรู้แล้วก็ขอบคุณพระฤาษี
จากนั้นก็รีบออกเดินทางทันที พราหมณ์ชูชกเดินทางมาถึงสถานที่ที่พระโพธิสัตว์ประทับอยู่เห็นว่า ตอนนี้
เป็นเวลาเย็นแล้ว จึงยังไม่เดินทางเข้าไปขอพระโอรสพระธิดา จึงพักผ่อนเพื่อเตรียมตัวขอในเวลาเช้า
ในคืนนั้นเอง เวลาใกล้รุ่ง พระนางมัทรีได้ทรงพระสุบินว่า เห็นชายคนหนึ่งถืออาวุธเข้ามาทำร้ายนาง
ทำให้นางสะดุ้งตื่น แล้วรีบเข้าไปหาพระเวสสันดร แต่เมื่อไปถึงก็ถูกพระเวสสันดรต่อว่า ในการมาในเวลา
อันไม่สมควร พระนางมัทรีจึงได้บอกว่าตนฝันร้าย แล้วเล่าเรื่องที่ทรงฝันร้ายให้ฟัง พระเวสสันดรเมื่อสดับ
ถ้อยคำนั้นก็รู้ว่าพรุ่งนี้ทานบารมีของพระองค์จะเต็มรอบ จึงทรงสรรหาถ้อยคำที่ทำให้นางเบาพระทัยแล้ว
ทรงให้กลับไปที่อาศรมทำภารกิจตามปกติ
เมื่อสว่างแล้ว พระนางมัทรีก็ทรงถือกระเช้าไปหาผลไม้ในป่าตามที่เคยปฏิบัติทุกวัน ฝ่ายชูชกคิดว่า
บัดนี้พระนางมัทรีคงจะเสด็จเข้าป่าไปแล้ว จึงมุ่งหน้าไปยังอาศรมของพระเวสสันดร เมื่อพระโพธิสัตว์ทอด
พระเนตรเห็นการมาของชูชกแล้ว ก็ทราบว่าจะต้องมาขออะไรจากพระองค์แน่ จึงได้ทำการต้อนรับ แล้ว
ถามถึงเหตุที่มาในครั้งนี้ ชูชกจึงได้ขอพระราชทานพระราชโอรสและพระราชธิดา พระเวสสันดรได้ทรงสดับ
คำของชูชกเช่นนั้นก็ทรงเกิดความปีติโสมนัสจึงได้เอ่ยปากที่จะยกพระราชโอรสและพระราชธิดามอบให้กับชูชก
และชวนให้ชูชกอยู่ค้างคืนหนึ่งก่อน แต่ชูชกก็รู้ว่าถ้าค้างคืน ก็จะไม่ได้พระราชโอรสและพระราชธิดา จึงได้
กล่าวถ้อยคำยกใจพระเวสสันดร เพื่อจะได้ตัดใจยกลูกทั้งสองให้ตน
110 DOU ศาสตร์แห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า