ข้อความต้นฉบับในหน้า
สัมมาวาจานั้น ก็สามารถละเสียได้เด็ดขาด ซึ่งมิจฉาวาจา 4 ประการ อันได้แก่ มุสาวาท ปิสุณา
วาจา ผรุสวาจา และสัมผัปปลาปวาจา
สัมมากัมมันตะนั้น ก็สามารถละเสียได้เด็ดขาด ซึ่งมิจฉากัมมันตะ 3 ประการ คือ ปาณาติบาต
อทินนาทาน และกาเมสุมิจฉาจาร
สัมมาวายามะ คือ วิริยะนั้น ก็สามารถละมิจฉาวายามะได้เด็ดขาด อันได้แก่อกุศล อันบังเกิดแล้ว
ให้ขาดไปจากสันดาน ขณะเดียวกันก็ปิดกั้นอกุศลที่ยังไม่บังเกิด มิให้บังเกิดขึ้นได้ ยังกุศลอันมิเคยบังเกิดมา
ก่อน คือ โสดาปัตติมรรคจิตให้บังเกิดขึ้น และยังกุศลอันบังเกิดแล้วให้พัฒนายิ่งๆ ขึ้นไป
สัมมาสติ อันเป็นไปในอารมณ์ทั้ง 4 ก็พิจารณารูปขันธ์ว่า ตกอยู่ใต้กฎแห่งไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง
ทุกขัง อนัตตา พิจารณาเห็นว่า เวทนาขันธ์นั้นเองที่เป็นทุกข์ พิจารณาเห็นว่า วิญญาณขันธ์ คือ จิตนั้นเป็น
อนิจจังไม่เที่ยงแท้ ดับเกิดอยู่ตลอดเวลา พิจารณาเห็นสัญญาขันธ์และสังขารขันธ์ว่าเป็นอนัตตา คือ ควบคุมไม่ได้
มรรคทั้ง 8 นี้ บังเกิดพร้อมกันในโสดาปัตติมรรคจิตและกระทำกิจต่างๆ กันดังนี้ คือ สัมมา
สังกัปปะ เป็นปัจจัยแก่สัมมาทิฏฐิ มีอุปมาดุจมืออันเป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ คือ เมื่อบุคคลจะมองดูสิ่งต่างๆ
เช่น เงินและทอง ก็ใช้มือหยิบเงินและทองนั้นพลิกกลับไปกลับมา จักขุคือดวงตานั้นมองดูแล้วก็รู้ว่าเงินและทอง
นั้นดีหรือไม่ ข้อนี้มีอุปมาฉันใด การที่สัมมาสังกัปปะเป็นปัจจัยแก่สัมมาทิฏฐิ ก็มีอุปมาฉันนั้น คือ
สัมมาสังกัปปะยังให้เกิดดำริอารมณ์อยู่เนืองๆ สัมมาทิฏฐิจึงทำหน้าที่พิจารณาอารมณ์นั้นว่าธรรมหมู่นี้
เป็นกามาวจร ธรรมหมู่นี้เป็นรูปาวจร ธรรมหมู่นี้เป็นอรูปาวจร แล้วก็นำไปพิจารณาต่อในอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
สัมมาสังกัปปะ เป็นเสมือนพนักงานนำเสนอ ดำริอารมณ์ให้กับสัมมาทิฏฐิในทำนองเดียวกับมือ ซึ่งจับเงิน
และทองพลิกกลับไปกลับมาให้จักขุมองฉะนั้น
สัมมาวาจาและสัมมากัมมันตะ ก็เป็นเหตุปัจจัยให้แก่สัมมาอาชีวะ ด้วยเหตุว่าเมื่อกายกรรม วจีกรรม
สุจริตแล้ว การเลี้ยงชีพย่อมสุจริตตามไปด้วย
ส่วนสัมมาวายามะและสัมมาสติ ก็เป็นเหตุปัจจัยให้แก่สัมมาสมาธิ อุปมาเสมือนบุรุษ 3 คนเป็น
สหายกัน ชวนกันเข้าไปในอุทยาน ครั้นบุรุษคนที่หนึ่งเห็นดอกจำปาก็ปรารถนาจะได้ดอกไม้นั้น แต่ต้นจำปา
นั้นอยู่สูงสุดเอื้อม สหายคนที่หนึ่งจึงก้มหลังให้เหยียบ สหายอีกคนหนึ่งก็น้อมกายลงให้จับ บุรุษนั้นก็เหยียบ
หลังสหายคนหนึ่ง และจับบ่าสหายอีกคนหนึ่ง จึงสามารถเก็บดอกจำปามาได้ ข้อนี้มีอุปมาฉันใด สัมมาวายามะ
ก็เปรียบเสมือนบุรุษผู้ก้มหลังให้เหยียบ สัมมาสติเปรียบเสมือนบุรุษผู้น้อมบ่าลงให้จับ สัมมาสมาธิ
นั้นเปรียบประดุจบุรุษผู้เหยียบหลังสหายแล้วเก็บดอกจำปาได้ การที่สัมมาวายามะกับสัมมาสติเป็นปัจจัย
ให้แก่ สัมมาสมาธิ ซึ่งมุ่งเอาพระนิพพานเป็นอารมณ์ ย่อมอุปมาดุจบุรุษทั้ง 3 คนที่เป็นสหายกัน
สรุป
มรรคมีองค์ 8 เป็นธรรมอันอุดมล้ำเลิศประเสริฐยิ่งของพระอริยเจ้า เปรียบประดุจบรมจักรพรรดิ
ผู้ทรงไว้ซึ่งพระเดชานุภาพอันสูงส่ง เหล่าอริราชทั้งมวล ย่อมสยดแสยง ไม่อาจต้านทานต่อราชฤทธิ์ของ
พระองค์ได้ มรรคมีองค์ 8 เป็นที่รวมแห่งโพธิปักขิยธรรมทั้งปวง แม่น้ำน้อยใหญ่บรรดามีในโลกนี้ ย่อม
* หมายถึง ผู้หยั่งลงสู่ความเพียร ผู้ประกอบความเพียร ผู้เจริญภาวนา
192 DOU
ศาสตร์แห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า