ข้อความต้นฉบับในหน้า
4.2.3 พระชาติที่เปล่งวาจา
พระพรหมคาบส
ชื่อว่า
ในพระชาติที่สำคัญอีกพระชาติหนึ่งพระโพธิสัตว์จุติจากเทวโลกมาบังเกิดในตระกูลพราหมณ์มหาศาล
พรหมกุมาร
5 พระโพธิสัตว์ได้ศึกษาไตรเพทจนสำเร็จ และได้มาเป็นอาจารย์สอนไตรเพทแก่ลูกศิษย์ 500
คน เมื่อมารดาและบิดาของพระโพธิสัตว์สิ้นชีพแล้ว พระโพธิสัตว์จึงเรียกประชุมลูกศิษย์ทั้ง 500 คน พร้อม
หน้ากัน ให้โอวาทถึงเรื่องความไม่ประมาทในชีวิต แล้วประกาศตนว่าจะออกบวช เพื่อแสวงหาทางพ้นทุกข์
พร้อมกับแบ่งสมบัติทั้งหมดของตนให้กับลูกศิษย์ทั้งหมด พระโพธิสัตว์ออกบวชเป็นพระดาบสบำเพ็ญพรต
อยู่ใกล้ภูเขาบัณฑร เหล่าลูกศิษย์ทั้ง 500 คน เมื่อมารดาและบิดาของตนสิ้นชีพแล้ว ก็ได้ออกบวชตามพระ
โพธิสัตว์ บำเพ็ญพรตอย่างเคร่งครัดเสมอมา อยู่มาวันหนึ่งพระโพธิสัตว์พร้อมกับลูกศิษย์คนหนึ่ง เดินทาง
ขึ้นไปบนยอดภูเขาบัณฑร เพื่อหาผลไม้
ในขณะที่หาผลไม้อยู่นั้น
พระโพธิสัตว์มองลงไปที่เชิงเขาแห่งหนึ่งเห็นแม่เสือตัวหนึ่งพร้อมกับลูก
น้อยที่พึ่งเกิดมาได้ไม่นาน แม่เสือตัวนั้นมีร่างกายที่ผอมโซ เนื่องจากอดอาหารมาหลายวัน ถูกความหิว
กระหายคุกคามอย่างแรง ได้มองลูกน้อยของตนด้วยจิตที่โหดร้าย โดยคิดว่า “จะจับลูกของตนมาเคี้ยวกิน
เป็นอาหาร” พระโพธิสัตว์เห็นอาการของแม่เสือนั้นแล้ว ก็รู้ว่าแม่เสือนั้นจะกินลูกของตนอย่างแน่นอน
ท่านจึงรำพึงว่า “โอหนอ! นี่หรือชีวิตของสัตวโลก แม่เสือตัวนี้จักเคี้ยวกินลูกในไส้ของตนเอง เพื่อรักษาชีวิต
ของตนเพียงฝ่ายเดียว วัฏสงสารนี้เต็มไปด้วยทุกข์และภยันตราย ช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก” พระโพธิสัตว์จึง
ให้ลูกศิษย์ของตนไปหาเศษเนื้อที่ราชสีห์หรือเสือกินเหลือมาให้ตนด่วน ลูกศิษย์นั้นจึงรีบไปหาเศษเนื้อตามที่
พระโพธิสัตว์สั่ง พระโพธิสัตว์รอลูกศิษย์ไปหาเศษเนื้ออยู่นาน ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมาสักที พระโพธิสัตว์จึง
พลันคิดขึ้นมาว่า “ร่างกายของเรานี้เป็นร่างกายที่ปราศจากแก่นสาร ยังเกลือกกลั้วด้วยบาปอกุศลที่หมัก
ดองใจมานานแสนนานมิใช่น้อย และร่างกายนี้เองเป็นเหตุแห่งทุกข์ทั้งหลายทั้งปวง” จึงคิดไปต่ออีกว่า
“จะมีวิธีใดที่จะสามารถปลดเปลื้องจากความทุกข์นั้นได้ จึงทราบชัดว่ามีแต่เพียงบารมีธรรมซึ่งเป็นธรรมที่
ทำให้บริสุทธิ์หลุดพ้นเท่านั้นที่จะช่วยสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์ได้” เมื่อพระโพธิสัตว์รู้วิธีพ้นทุกข์แล้วจึงคิดต่อไปอีกว่า
“การบำเพ็ญบารมี 30 ทัศนี้เป็นสิ่งที่ทำได้โดยยาก คือ ถ้าบุคคลใดที่จะปฏิบัติตาม แต่ไม่สละสิ่งที่สละได้ยาก
ย่อมไม่อาจที่จะหลุดพ้นจากทุกข์ เข้าถึงความสุขที่แท้จริงได้ ถ้าบุคคลใดที่จะปฏิบัติตาม แต่ไม่บริจาคสิ่งที่
บริจาคได้ยาก ย่อมไม่อาจที่จะหลุดพ้นจากทุกข์ เข้าถึงความสุขที่แท้จริงได้ ถ้าบุคคลใดที่จะปฏิบัติตาม แต่
ไม่อดทนต่อสิ่งที่อดทนได้ยาก ย่อมไม่อาจที่จะหลุดพ้นจากทุกข์ เข้าถึงความสุขที่แท้จริงได้”
เมื่อพระโพธิสัตว์พิจารณาเห็นสรีระร่างกายมีแต่โทษเป็นอันมากเต็มไปด้วยทุกข์ในการหล่อเลี้ยงรักษา
อนึ่ง ร่างกายนี้ก็มิได้อยู่ยั่งยืนสิ้นกาลนาน รังแต่จะแตกทำลายตายเมื่อไรก็ไม่ทราบและจิตใจของเราที่อาศัย
อยู่ในร่างกายนี้ ย่อมมีอารมณ์ไม่เป็นหนึ่ง คือไม่เที่ยงแท้แน่นอน ย่อมแปรปรวนอยู่ตลอดเวลา “บัดนี้ เรา
จักให้สรีรกายของเรากับทั้งชีวิตนี้เป็นทานแก่แม่เสือที่มีความหิวคุกคามอย่างแรงกล้า เพื่อช่วยชีวิตลูกเสือ
ตัวนั้นไว้” ก่อนที่จะให้ชีวิตเป็นทาน พระโพธิสัตว์ได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า “ด้วยอานุภาพแห่งบุญที่ข้าพเจ้าได้ทำ
ในบัดนี้ ขอให้ข้าพเจ้าได้ตรัสรู้ธรรมเป็นเครื่องพ้นจากทะเลแห่งทุกข์ในอนาคตภายภาคหน้า ขอให้
ข้าพเจ้าได้ช่วยสรรพสัตว์ทั้งหลายให้หลุดพ้นจากวัฏสงสารอันเกลื่อนกล่นด้วยความทุกข์” ครั้นตั้งจิต
ปรารถนาการตรัสรู้ธรรม เพื่อหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในความทุกข์แล้ว พระโพธิสัตว์จึงได้
เปล่งวาจาให้หมู่เทพยดาได้รู้กันทั่วกันว่า “ข้าแต่ทวยเทพทั้งหลาย ผู้สถิตอยู่ ณ ทั่วทุกแห่งหน (ภุมมเทวา
98 DOU ศาสตร์แห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า