ข้อความต้นฉบับในหน้า
เมื่อกษัตริย์ทั้ง 4 พระองค์เสด็จถึงเจตรัฐในเวลาเย็น สมัยนั้น มีเจ้าครองนครอยู่ในมาตุลนครถึง 6
หมื่นองค์ เมื่อชาวเมืองรู้ว่า พระเวสสันดรพระนางมัทรี และพระโอรสพระธิดาเสด็จมาด้วยเท้าเปล่า ก็เกิด
ความสงสัยและพากันมาเข้าเฝ้า แล้วไปแจ้งข่าวให้พระยาเจตราชทั้ง 6 หมื่นทราบ พระองค์ท่านได้รับการ
ต้อนรับเป็นอย่างดี เหมือนหมู่ญาติรอคอยบุคคลที่จากไปนาน ด้วยความใจจดใจจ่อ พระยาเจตราชทูลถาม
พระเวสสันดรถึงเหตุที่พระองค์เดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ เมื่อพระยาเจตราชทั้ง 6 หมื่นทราบ ต่างก็ทรง
สงสารพระองค์ยิ่งนัก ที่ทำดีแต่ไม่มีใครเห็นความดี จึงพร้อมใจกันกราบทูลให้พักที่เจตรัฐนี้ และจะไปบอก
พระราชบิดาและพระราชมารดาของพระองค์ให้ยกโทษ
แต่พระเวสสันดรทรงห้ามปรามเจ้านครเหล่านั้น ที่พระองค์ต้องถูกเนรเทศออกนอกเมือง เป็น
เพราะความไม่เข้าใจของชาวเมืองสีพี หาใช่เป็นความผิดของพระราชบิดาไม่ เมื่อเป็นเช่นนั้น พระยาเจต
ราชทั้งหลายก็ยังยินยอมพร้อมใจที่จะถวายราชสมบัติ ให้กับพระเวสสันดรได้เป็นเจ้าครองนคร ปกครอง
ดูแลพวกตน แต่ท่านก็ไม่ได้ปรารถนา เพียงแต่ขอพักอาศัยที่นครนี้เพียงคืนเดียวเท่านั้น วันรุ่งขึ้นก็จะพากัน
ออกเดินทางต่อไป เพื่อบำเพ็ญพรตอยู่ในป่าตามลำพัง จากนั้นกษัตริย์ทั้ง 4 พระองค์ก็เสด็จออกเดินทางไกล
โดยมีกษัตริย์ 6 หมื่นพระองค์พร้อมด้วยเหล่าอำมาตย์ ข้าราชบริพารมากมายเสด็จตามไปส่งถึง 15 โยชน์
นับเป็นการออกบวชอย่างมีเกียรติ ด้วยอานุภาพบุญของพระองค์ แม้จะเป็นหนทางไกลแต่ก็ใช้เวลาเพียงไม่
กี่ชั่วโมง ก็ถึงปากทางเข้าป่าใหญ่ พระยาเจตราชแต่งตั้งนายพรานคนหนึ่งชื่อ เจตบุตร รักษาทางเข้าป่าใหญ่
เอาไว้ จะได้ไม่มีใครมารบกวนหรือประทุษร้ายกษัตริย์ทั้ง 4 พระองค์ได้ เมื่อรับสั่งนายพรานเป็นที่เรียบร้อย
แล้ว ก็ชักชวนกันเสด็จกลับพระนคร
ขณะนั้น พระอาสน์ของท้าวสักกเทวราชแสดงอาการร้อน ท้าวสักกะทรงพิจารณาแล้วทรงถึง
ทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงรับสั่งให้วิสสุกรรมเทพบุตรสร้างอาศรมที่เขาวงกต วิสสุกรรมเทพบุตรจึง
เนรมิตบรรณศาลา 2 หลัง ที่จงกรม 2 แห่ง ที่พักกลางคืนที่พักกลางวัน และได้ตระเตรียมบริขารไว้ให้ จาก
นั้นก็จารึกอักษรไว้ว่า “ท่านผู้หนึ่งผู้ใด ใคร่จะบวช ก็จงใช้บริขารเหล่านี้ พร้อมกับห้ามเหล่าอมนุษย์ หมู่เนื้อ
หมู่นก ที่มีเสียงดังรบกวนไม่ให้เข้ามาใกล้
เมื่อพระเวสสันดรเดินทางมาถึงภูเขาวงกตแล้ว เห็นสถานที่ซึ่งวิสสุกรรมเทพบุตรเนรมิตไว้ ก็ทรง
ทราบเหตุนั้น จึงได้ถือเพศบรรพชิตพร้อมกับพระนางมัทรีและพระราชโอรสพระราชธิดาอาศัยอยู่ในบรรณ
ศาลานี้โดยมีพระนางมัทรีทำหน้าที่อุปัฏฐากดูแลพระเวสสันดรและพระโอรสพระธิดาได้อย่างสมบูรณ์คอยดูแล
บำรุงปฏิบัติอย่างดี และนำผลไม้จากป่ามาถวาย ซึ่งเมื่อมาอยู่ในที่นี้ พระเวสสันดรก็ได้ทำกติกาห้ามไม่ให้
พระนางมัทรีเข้ามาหาพระองค์ในเวลาไม่สมควร
นอกจากนี้ยังมีพราหมณ์เฒ่าคนหนึ่ง ชื่อว่า ชูชก เป็นชาวบ้านพราหมณ์ชื่อทุนนวิฏฐะ ในกาลิงครัฐ
เที่ยวภิกขาจาร ได้ทรัพย์มา 100 กหาปณะ ก็ฝากไว้กับเพื่อนสนิท จากนั้นก็ได้ออกไปแสวงหาทรัพย์อีก เมื่อ
ไปนาน พราหมณ์ผู้เป็นเพื่อนก็ใช้ทรัพย์นั้นจนหมด เมื่อชูชกกลับมาทวงก็ไม่สามารถจะให้คืนได้ จึงยกธิดา
ชื่อนางอมิตตตาปนาให้ชูชก ชูชกจึงได้นางอมิตตตาปนามาเป็นภรรยาสาว แล้วพากันไปอยู่ที่บ้านในกาลิงครัฐ
นางก็ได้ปฏิบัติพราหมณ์ด้วยดีเสมอมา
พวกพราหมณ์หนุ่มๆ เห็นนางอมิตตตาปฏิบัติต่อสามีแก่เป็นอย่างดี ก็ตำหนิภรรยาของตนเองว่า
ทำหน้าที่สู้นางอมิตตตาไม่ได้ พวกนางจึงเกิดความอิจฉา และหาทางที่จะล้อเลียนพูดจาเหน็บแนมนาง
อมิตตตา ให้นางได้รับความไม่สบายใจ พอนางอมิตตตาไปท่าน้ำ ก็ถูกพวกภรรยาของพราหมณ์หนุ่มกล่าว
บทที่ 4 ก่อนจะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน DOU 109