ข้อความต้นฉบับในหน้า
พระชาติที่ได้เกิดเป็นพระเวสสันดรโพธิสัตว์จึงเป็นเรื่องราวที่ถูกนำมาเล่ากันมากอย่างต่อเนื่องมา
หลายครั้งในหมู่ของพุทธศาสนิกชนทั่วไป แม้ในปัจจุบันก็ยังคงมีการนำเรื่องราวเหล่านี้มาเทศน์สอนกันอยู่
ที่เรียกว่า เทศน์มหาชาติ เรื่อง พระเวสสันดร หรือที่ทางภาคอีสานเรียกกันว่า เทศน์พระเวส สาเหตุที่ยัง
คงนำเรื่องราวของพระเวสสันดรมาเทศน์สอนกันอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน เพราะพระชาตินี้ที่ได้ว่าเป็น
แบบอย่างในการดำรงตนของพุทธศาสนิกชนทั้งหลายในการสร้างมหาทานบารมี โดยที่ไม่ได้หวั่นไหวในสิ่ง
ทั้งหลายที่จะทำให้ตนท้อแท้ในการสร้างบารมีได้ ฉะนั้นนักศึกษาควรศึกษาแง่คิดมุมมองในการสร้างบารมี
ของพระเวสสันดร เพื่อจะได้นำไปประพฤติปฏิบัติเป็นต้นแบบในการสร้างบารมีกันต่อไป
พระเวสสันดรโพธิสัตว์ได้ถือกำเนิดในพระครรภ์ของพระนางผุสดีผู้เป็นอัครมเหสีของพระเจ้าสัญชัย
ในกรุงเชตุดร โดยในขณะที่พระโพธิสัตว์อยู่ในครรภ์พระมารดา พระนางผุสดีทรงใคร่ปรารถนาจะสร้างมหา
ทานบารมี จึงรับสั่งให้สร้างโรงทาน 6 แห่ง คือ ที่ประตูเมืองทั้ง 4 แห่ง ที่กลางเมือง 1 แห่ง ที่ประตูพระราชวัง
1 แห่ง ทรงสละพระราชทรัพย์เป็นทาน 600,000 กหาปณะทุกวัน
พราหมณ์ผู้รู้นิมิตทั้งหลายได้ทูลพยากรณ์ว่า ที่พระนางทรงทำเช่นนี้ เพราะท่านผู้ยินดียิ่งในทานมา
อุบัติในพระครรภ์ของพระราชเทวี และตั้งแต่ที่พระโพธิสัตว์ถือปฏิสนธิ ส่วยอากรของพระราชาก็ได้เพิ่มมาก
ขึ้นกว่าที่เคยได้ แม้พระราชาในชมพูทวีปทั้งสิ้นต่างส่งเครื่องบรรณาการมาถวายพระเจ้าสญชัยทุกวัน ทั้งนี้
ด้วยบุญญานุภาพของพระโพธิสัตว์นั้นเอง เมื่อพระนางผุสดีทรงพระครรภ์ครบ 10 เดือนบริบูรณ์ ทรงมี
พระประสงค์จะชมเมือง จึงกราบทูลพระราชสวามี จากนั้นทรงรถที่นั่งอันประเสริฐทำประทักษิณพระนคร
ในขณะนั้นลมกรรมชวาตก็ปั่นป่วน พระราชาจึงให้ทำพลับพลาสำหรับประสูติทันที
พระโพธิสัตว์ประสูติจากพระครรภ์แห่งพระมารดา เป็นผู้บริสุทธิ์ ลืมพระเนตรทั้งสองออกมา เมื่อ
ออกมาก็เหยียดพระหัตถ์ต่อพระมารดาตรัสว่าข้าแต่พระแม่เจ้า หม่อมฉันจักบริจาคทาน มีทรัพย์อะไรๆ บ้าง
ครั้งนั้นพระชนนีตรัสตอบว่า พ่อจงบริจาคทานตามอัธยาศัยของพ่อเถิด แล้ววางถุงกหาปณะพันหนึ่งใน
พระหัตถ์ที่แบอยู่
ครั้งนั้น ในวันถวายพระนามพระโพธิสัตว์พระประยูรญาติทั้งหลาย ได้ขยายพระนามว่า เวสสันดร
เพราะประสูติในถนนแห่งพ่อค้าพร้อมกันนั้น ในวันที่ท่านประสูติ ช้างพังเชือกหนึ่งซึ่งสามารถเหาะได้ ได้นำ
ลูกช้างเผือกขาวปลอดมาถวายแล้วก็จากไป เมื่อทรงอายุได้ 4 ขวบ พระราชาทรงให้ทำเครื่องประดับ
สำหรับพระราชกุมารราคาแสนหนึ่ง พระราชกุมารผู้มีใจรักในการให้ทาน พอรับมาประดับได้เพียงครั้งเดียว
เท่านั้น ก็เปลื้องเครื่องประดับนั้นแก่นางนมทั้งหลาย ไม่ทรงรับเครื่องประดับที่เหล่านางนมถวายคืนอีก เหล่า
นางนมก็กราบทูลเรื่องราวที่เกิดขึ้นแด่พระราชา พระราชาก็ให้ทำเครื่องประดับชิ้นใหม่แด่พระโอรส
เมื่อพระชนมพรรษา 8 ชันษา พระราชกุมารได้เสด็จขึ้นไปยืนอยู่ปราสาท ทรงดำริว่า เราให้ทาน
ภายนอกอย่างเดียว ทานนั้นหายังเราให้ยินดีไม่ เราใคร่จะให้ทานภายใน แม้ถ้าใครๆ จึงขอหทัยของเรา
เราจะพึงให้ผ่าอุระประเทศนำหทัยออกให้แก่ผู้นั้น ถ้าเขาขอจักษุทั้งสองของเรา เราก็จะควักจักษุให้ ถ้าเขา
ขอเนื้อในสรีระ เราจะเชือดเนื้อจากสรีระทั้งสิ้นให้จนหมด ถ้าแม้ใครๆ จึงขอโลหิตของเรา เราก็จะให้โลหิต
หรือว่าใครๆ พึงกล่าวกะเราว่า ท่านจงเป็นทาสของข้า เราก็ยินดียอมตัวเป็นทาสของผู้นั้น
เมื่อพระโพธิสัตว์มีพระชนมพรรษาได้ 16 ชันษา ก็ทรงศึกษาศิลปวิทยาทุกอย่าง พระราชบิดาทรง
106 DOU ศาสตร์แห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า