ข้อความต้นฉบับในหน้า
พระชาลีราชกุมารและพระกัณหาชินาราชกุมารีรู้ว่าพระบิดาจะต้องบริจาคตัวให้กับชูชกอย่างแน่นอน
ก็ขนลุกชูชัน ตกใจกลัวหวาดหวั่นไปตามๆ กัน จึงพากันลงไปยืนอยู่ในสระโบกขรณี เอาใบบัววางไว้บนพระ
เศียร ยืนขาสั่น น้ำตาไหลอาบแก้มอยู่ในน้ำ ฝ่ายชูชกไม่เห็นสองกุมาร จึงพูดรุกรานกระทบกระเทียบพระโพธิสัตว์
พระเวสสันดรจึงได้ลุกออกไปดู ก็ทราบว่าพระโอรสพระธิดาเสด็จไปยืนอยู่ในสระโบกขรณี จึงตรัสบอกให้
พระราชโอรสและพระราชธิดาเข้าใจถึงเหตุในการบริจาคทานครั้งนี้ให้กับชูชก ซึ่งทั้งสองพระองค์ก็เข้าใจ
จึงได้ขึ้นมาจากสระโบกขรณี และร้องไห้ด้วยความรักในพระโพธิสัตว์ พระองค์จึงได้พูดปลอบโยนบุตรทั้งสอง
แล้วทรงกำหนดราคาพระราชกุมารพระราชกุมารีในการไถ่ตัว แล้วทรงจับพระเต้าน้ำ หลั่งน้ำลงในมือชูชก
พร้อมกับตรัสบอกถึงความรักพระสัพพัญญุตญาณของพระองค์
พระโพธิสัตว์เจ้าครั้นทรงบำเพ็ญบุตรทานแล้ว ก็เกิดความปีติโสมนัสในใจ ฝ่ายชูชกเข้าไปป่า เอา
ฟันกัดเถาวัลย์ถือมาผูกพระหัตถ์ขวาของพระชาลีกุมารรวมกันกับพระหัตถ์ซ้ายของพระกัณหาชินากุมารี
ถือ
ปลายเถาวัลย์ไว้ แล้วเฆี่ยนตีต่อหน้าพระพักตร์ของพระเวสสันดร สั่งให้ทั้งสองหยุดร้องไห้ จากนั้นก็ฉุดดึง
พระกุมารทั้งสองออกจากป่าไป ในขณะนั้นเทพบุตร 3 องค์ จึงจำแลงกายเป็นราชสีห์ เป็นเสือโคร่งและเป็น
เสือเหลือง นอนกั้นทางเสด็จกลับอาศรมของพระนางมัทรีเอาไว้ จนกว่าดวงอาทิตย์จะอัสดงคต เพื่อจะให้
ทานบารมีของพระโพธิสัตว์ได้สำเร็จบริบูรณ์ ฝ่ายพระนางมัทรีหวั่นพระหฤทัยอยู่ พร้อมกับในวันนี้ก็มีเหตุ
ลางสังหรณ์เกิดขึ้นหลายอย่าง เช่น เสียมหลุดจากพระหัตถ์ กระเช้าหลุดจากบ่า พระเนตรเบื้องขวาเขม่น
พฤกษาชาติที่มีผลก็เหมือนกับไม่มีผล พฤกษาชาติที่ไม่เคยมีผลก็เหมือนกับว่ามีผลดก ทิศทั้งสี่ก็กำหนดไม่ได้
ยิ่งเมื่อมาเจอกับสัตว์ร้ายที่นอนขวางทางอยู่ข้างหน้า พระนางก็ตกพระทัยได้แต่อ้อนวอน แต่สัตว์ร้ายทั้ง 3
ก็ไม่ยอมลุกขึ้นไปไหน จวบจนพลบค่ำจึงหลีกเข้าป่าไป ฝ่ายพระนางมัทรีก็รีบเดินทางกลับอาศรมทันที
เมื่อกลับมาถึงก็มองไม่เห็นพระโอรสพระธิดา ก็รีบเสด็จไปเฝ้าพระเวสสันดร ทูลถามถึงพระกุมาร
กุมารีทั้งสอง ซึ่งพระเวสสันดรไม่ได้ให้คำตอบ แต่กลับต่อว่าที่นางกลับมามืดค่ำอย่างนี้ พระนางมัทรีจึงได้
เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ฟัง เมื่อพระเวสสันดรได้สดับแล้ว จึงบอกว่าพระองค์ได้บริจาคกัณหาชาลีให้กับ
ชูชกแล้ว เมื่อนางได้ฟังเช่นนั้น ก็สลบล้มลงเพราะความโศกที่บุตรทั้งสองต้องพรากจากไป พระเวสสันดร
เห็นเช่นนั้น จึงเข้าไปประครองนางแล้วแก้ไขให้พระนางตื่นขึ้นมา เมื่อผ่านไปได้ไม่นาน พระนางก็ได้สติรู้สึก
ตัวขึ้นมา ก็รีบขอขมาพระโพธิสัตว์พร้อมกับอนุโมทนาบุญในทานที่พระองค์ได้บริจาคบุตรทั้งสองเป็นทาน
ในวันต่อมาท้าวสักกเทวราชได้ทรงจำแลงเพศเป็นพราหมณ์ไปเฝ้าพระเวสสันดร เพื่อขอพระนางมัทรี
ซึ่งพระโพธิสัตว์ก็ได้ยกให้พระนางมัทรีแก่พราหมณ์จำแลง บ้างสักกเทวราชจึงได้กล่าวชมเชยสรรเสริญ
พระโพธิสัตว์และพระนางมัทรี พร้อมทั้งให้พระเวสสันดรของพรได้ 8 ข้อ พระโพธิสัตว์ก็ขอพรครบทั้ง 8 ข้อ
ซึ่งท้าวสักกเทวราชได้ให้คำยืนยันว่าพรทั้ง 8 ข้อจะสำเร็จแน่นอน
ฝ่ายพราหมณ์ชูชกพากุมารทั้งสองพระองค์ เดินทางไกลจนกระทั่งถึงกรุงเชตุดร ในขณะนั้นเอง
พระเจ้าสัญชัยทอดพระเนตรไปทางถนน ทรงเห็นสองกุมารกุมารีซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกัน คนหนึ่ง
เหมือนพระชาลี คนหนึ่งเหมือนกัณหาชินา เกิดความสงสัยขึ้นมา แต่ก็คิดไม่ถึงว่า กุมารและกุมารนี้จะ
เป็นหลานของพระองค์เองจึงทรงรับสั่งให้อำมาตย์ไปเชื้อเชิญเข้ามาใกล้ๆ เมื่อมาแล้วจึงได้ไต่ถามพราหมณ์ชูชก
ครั้นทราบความจริง จึงนึกสงสัยถึงการบริจาคบุตรเป็นทานของพระเวสสันดร แต่พระชาลีราชกุมารก็ได้
อธิบายให้พระเจ้าสัญชัยฟังอย่างละเอียด และยังบอกถึงค่าตัวของตนที่พระเวสสันดรได้กำหนดเอาไว้
บทที่ 4 ก่อนจะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน DOU 111