ข้อความต้นฉบับในหน้า
เท่านี้ปี กลไกสำคัญของการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมให้เจริญขึ้น หรือเสื่อมถอยลง อยู่ที่กิเลสภายในใจของ
มนุษย์โดยรวม และเมื่อกิเลสแต่ละชนิด ก่อตัวหนาแน่นขึ้น กระทั่งสิ่งแวดล้อมเกิดความผิดปกติอย่าง
รุนแรงจนรับไม่ได้ เมื่อนั้นโลกย่อมถึงการพินาศไป
เรื่องของความเสื่อมของจักรวาลนี้ก็เช่นกัน อำนาจกิเลสภายในใจของมนุษย์บันดาลให้สิ่งแวดล้อม
เริ่มแปรเปลี่ยนไป ก่อให้เกิดมลพิษในทุกด้าน จนโลกตั้งอยู่ไม่ได้ หากมนุษย์มีกิเลสตระกูลโทสะแรงกล้าถึงขีดสุด
จักรวาลนี้ย่อมถูกทำลายด้วยอำนาจแห่งไฟ ถ้ามนุษย์มีกิเลสตระกูลราคะมาก จักรวาลจะถูกทำลายด้วยน้ำ
และหากมนุษย์มีกิเลสตระกูลโมหะมาก จักรวาลจะถูกทำลายด้วยลม
ยกตัวอย่าง จักรวาลถูกทำลายด้วยไฟ เมื่อมลพิษต่างๆ อันเกิดจากอำนาจกิเลสตระกูลโทสะในใจ
ของมนุษย์มากขึ้น จะเกิดปรากฏการณ์ฝนไม่ตกเป็นเวลาช้านาน ต้นไม้น้อยใหญ่พากันเหี่ยวแห้งตาย ล่วงเวลา
ต่อมา เมื่อดวงอาทิตย์โคจรลับฟ้าไปแล้ว ควรจะเป็นเวลากลางคืนแต่กลับไม่มี เพราะเกิดดวงอาทิตย์ใหม่
ขึ้นอีกหนึ่งดวงซึ่งมีความรุนแรงกว่าดวงอาทิตย์ดวงแรกความร้อนก็เพิ่มพูนทวีคูณท้องฟ้าไม่มีเมฆหมอกปรากฏ
แม่น้ำสายใหญ่ทั้งหลายเหือดแห้งหมด ไม่มีผู้คนหลงเหลืออยู่ ล่วงเวลาต่อมาอีกยาวนาน ดวงอาทิตย์ดวงที่
3 ปรากฏ แม่น้ำใหญ่ทั้งหลายแห้งหมด เวลาผ่านไปอีกยาวนาน ดวงอาทิตย์ดวงที่ 4 ปรากฏ สระใหญ่ในป่า
หิมพานต์แห้งหมด น้ำในมหาสมุทรเริ่มแห้งงวด กาลล่วงไปอีกยาวนาน ดวงอาทิตย์ดวงที่ 5 ปรากฏ น้ำใน
มหาสมุทรแห้งหมด ระยะเวลาผ่านไปอีกยาวนาน ดวงอาทิตย์ดวงที่ 6 ก็ปรากฏ แผ่นดินภูเขาทั้งหลายก็สิ้น
ธาตุน้ำ ไม่สามารถเกาะกุมแผ่นดินไว้ ก็หลุดกระจาย กลายเป็นฝุ่นเป็นควันคลุ้งตลบ เป็นอยู่ระยะเวลายาวนาน
ครั้นดวงอาทิตย์ดวงที่ 7 ปรากฏ โลกธาตุทั้งแสนโกฏิจักรวาลก็ลุกเป็นไฟ มีเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว
ยอดเขาสิเนรุก็หลุดกระจายสลายไปในอากาศ เปลวไฟประลัยกัลป์เกิดที่โลกมนุษย์ ลุกไหม้ลามไปยังเทวโลก
ต่อขึ้นไปยังพรหมโลกชั้นต้น ปฐมฌานภูมิ แล้วก็หยุดเพียงเท่านั้น
สภาพการตั้งอยู่ของจักรวาล และการเสื่อมสลายของจักรวาล เป็นวัฏจักรที่จะต้องเกิดขึ้น
ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นระยะเวลายาวนาน สะท้อนให้เห็นความเป็นจริงที่ไม่สามารถหลีกพ้นไปได้เลย ไม่ว่าจะเป็น
ใครก็ตาม การศึกษาเรื่องวัฏจักรนี้ ยิ่งทำให้เราเห็นชัดในทุกข์โทษภัยของสังสารวัฏได้ชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีก
1.3.3 ความจริงเรื่องจักรวาล คือ กรงขังสรรพสัตว์
ประเด็นที่จะนำเสนอในหัวข้อต่อไปนี้ เป็นประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกับหัวข้ออื่นๆ ที่จะทำให้เราเห็น
ภาพของตัวเองชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อเราได้ศึกษาองค์ประกอบของจักรวาลอันเป็นที่อยู่ของสรรพสัตว์และ
โครงสร้างของจักรวาลแล้ว เราเห็นเพียงภาพรวมของจักรวาลเท่านั้น มิได้เห็นความสัมพันธ์เชื่อมโยงการไป
เกิดมาเกิดระหว่างภพภูมิ ตามกฎสังสารวัฏ
สังสารวัฏ คือ การที่สัตว์ทั้งหลายทุกรูปทุกนามต้องเวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิต่างๆ รวมทั้งชีวิต
ปัจจุบันของมนุษย์ในโลกนี้อย่างไม่มีวันสิ้นสุด กระบวนการความเป็นไปของสังสารวัฏมีธรรมเป็นแบบอิง
อาศัยกันสัมพันธ์กันเป็นลูกโซ่ ดังนั้นความเป็นไปของสังสารวัฏจึงประกอบด้วยองค์ 3 คือ กิเลส กรรม วิบาก
ความสัมพันธ์ขององค์ 3 เมื่อกิเลส คือ โลภะ โทสะ โมหะ กำเริบส่งผลให้ใจเศร้าหมอง บีบบังคับ
ใจมนุษย์ให้ทำกรรมทางกาย วาจา ใจ ส่งผลให้ได้รับวิบากอันมีอำนาจนำมนุษย์ เมื่อตายแล้วให้เสวยผล
แห่งกรรมในภพภูมิ 31 และวิบากนี้ก็เป็นเหตุให้บีบคั้นกิเลสในใจของสรรพสัตว์ต่อไปอีก เป็นสภาวะ
หมุนเวียนด้วยความเป็นเหตุเป็นผลอยู่อย่างนี้ไม่มีวันสิ้นสุด
บทที่ 1 ปฐมบทว่าด้วยศาสตร์แห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
DOU 13