ข้อความต้นฉบับในหน้า
ไม่เป็นเพศวิบัติหรือไม่เป็นอภัพพบุคคล คือ เป็นบุรุษเพศเท่านั้น แต่ถ้าเป็นเพศหญิง เป็นบัณเฑาะก์ เป็น
กะเทยหรือเป็นบุคคลมี 2 เพศที่เรียกว่า อุภโตพยัญชนก พระพุทธองค์จะไม่ทรงพยากรณ์อย่างเด็ดขาด
เนื่องจากบุรุษเพศมีลักษณะที่ใกล้เคียงลักษณะมหาบุรุษมากที่สุด และสามารถสั่งสมบุญบารมีได้ดีที่สุดด้วย
3. ถึงพร้อมด้วยเหตุ คือ มีอุปนิสัยแห่งพระอรหัตในขันธสันดานอย่างแรงกล้า เพราะหากว่าเป็น
บุคคลธรรมดาที่ไม่สมบูรณ์ด้วยเหตุ คือความเป็นพระอรหัตยังไม่เกิดขึ้น ไม่มีความแก่กล้าในขันธสันดาน
พระพุทธองค์ก็จะไม่ทรงพยากรณ์อย่างเด็ดขาด เนื่องจากถ้ามีโอกาสฟังธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระองค์ใดพระองค์หนึ่ง ก็สามารถตรองตามและบรรลุเป็นพระอรหันต์ได้ เพียงแต่ท่านยังไม่ปรารถนาจะ
หมดกิเลสเป็นพระอรหันต์ แต่ปรารถนาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตซึ่งข้อนี้แสดงให้เห็นว่า
พระพุทธองค์ได้สั่งสมความรู้และฝึกฝนตนเองมาต่อเนื่อง เพื่อเตรียมตัวที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
4. ได้พบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ มีโอกาสได้บำเพ็ญกุศลใหญ่แล้วได้ตั้งความปรารถนาเฉพาะ
พระพักตร์ของพระพุทธองค์ เพราะว่า การได้รับพยากรณ์จักเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยพุทธพยากรณ์ที่ออกมาจาก
พระโอษฐ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ หากได้พบแต่พระปัจเจกพุทธเจ้า ได้พบพระอรหันต์
หรือได้พบสถานที่อันเป็นสิ่งแทนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เช่น พระเจดีย์ เป็นต้น แม้จะมีความเลื่อมใสมากเพียงใด
ก็จะไม่สามารถที่จะบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณได้อย่างแน่นอน
5. ได้บรรพชา คือ มีอัธยาศัยน้อมไปในการออกบวช ไม่ว่าจะเป็นนักบวชในพระพุทธศาสนาหรือ
นอกพระพุทธศาสนาอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่มีความเชื่อว่าบุญบาปมี ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว และมีความมั่นคงใน
เพศบรรพชิต เพราะถ้าดำรงเพศคฤหัสถ์ผู้ครองเรือน แม้จะมีความปรารถนาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ไม่
สามารถที่จะเป็นได้ เนื่องจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะไม่ทรงพยากรณ์ ถ้าไม่ได้บวช ภาระมากมายที่ติดพัน
เปรียบเสมือนภรรยาเป็นห่วงคล้องแขน ลูกเป็นเสมือนห่วงคล้องขา ทำให้จะทำให้อะไรก็ตามจะติดขัดไปหมด
ไม่สามารถที่จะทำได้อย่างสะดวกสบาย
6. ความถึงพร้อมแห่งคุณ คือ มีอภิญญาและฌานสมาบัติอันเชี่ยวชาญ เพราะเป็นคุณสมบัติ
พิเศษเกินคนธรรมดาสามัญจักมิได้ จึงจะได้รับการพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ถ้าหากไม่มีคุณวิเศษ
คือ อภิญญาและฌานสมาบัติ แม้จะดำรงเพศบรรพชิตก็จะไม่ได้รับคำพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่ง
แสดงให้เห็นว่า การที่จะทำงานใหญ่แล้วจะต้องมีการฝึกสมาธิ เพราะถ้าไม่ฝึกสมาธิแล้วจะทำให้เกิด
ก็จะทำให้ไม่เกิดสภาวะความเครียดที่จะ
ความเครียดแล้วท้อใจที่จะสร้างบารมีต่อไป แต่ถ้าได้ฝึกสมาธิแล้ว
ท้อใจได้ เนื่องจากการที่คนเราใช้ความคิดจากสมองก็จะทำให้ความคิดนั้นไม่กว้าง มีขอบเขตจำกัดจึงทำให้
เครียดง่าย แต่ถ้าใช้ความคิดจากใจที่ศูนย์กลางกายก็จะทำให้ความคิดนั้นมีขอบเขตกว้างขวาง และจะ
ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะที่จะช่วยกลั่นกรองให้ความคิดนั้นถูกต้อง ไม่ผิดพลาด
7. อธิการ คือ การกระทำที่ยิ่ง หมายถึง ได้ทำในสิ่งที่เหนือมนุษย์ทั่วไป สิ่งไหนเป็นความดี เป็น
ไปเพื่อมรรคผลนิพพาน แม้คนธรรมดาไม่กล้าคิด ไม่กล้าพูด ไม่กล้าทำ แต่ท่านได้กล้าที่จะคิด กล้าที่จะพูด
และกล้าที่จะทำในสิ่งนั้นได้สำเร็จ เช่น ได้เคยบำเพ็ญมหาทานบารมี โดยการสละชีวิตเพื่อแลกกับพระโพธิ
ญาณมาก่อน เพราะเป็นปรมัตถมหาทานบารมีที่ได้กระทำอย่างยิ่ง โดยเอาชีวิตเลือดเนื้อเข้าแลกเพื่อสัมมา
สัมโพธิญาณ ผู้ที่ได้ทำเช่นนี้จึงจะได้รับพุทธพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การที่จะ
ทำอะไรก็ตาม ต้องทุ่มเททำความดีสร้างบารมีอย่างเต็มกำลัง โดยฝึกทั้งตนเองให้มีความรู้ความสามารถ
66 DOU ศาสตร์แห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า