ข้อความต้นฉบับในหน้า
4.2.2 พระชาติที่ดำริไว้ในใจ
พระเจ้าสัตตฺตาปนะ
หลังจากที่ได้ตั้งความปรารถนาพุทธภูมิ ในชาติที่เป็นมาณพแบกมารดาอยู่ในมหาสมุทร ก็ได้เกิด
ตายมาหลายชาติ ในชาติหนึ่งได้เกิดเป็นราชโอรสและได้ขึ้นครองราชสมบัติ มีพระนามว่า พระเจ้าสัตตฺตาปนะ
พระองค์ปกครองประชาราชด้วยทศพิธราชธรรม แต่พระองค์ทรงพอพระทัยในช้างมงคลอย่างมาก คือ ชอบ
สะสมช้างมงคล ไม่ว่าจะได้ข่าวว่าช้างมงคลอยู่ส่วนไหนของราชธานี พระองค์ต้องตามจับมาจนได้ ครั้งหนึ่ง
มีนายพรานเข้ามาถวายรายงานว่า พบช้างมงคลเชือกหนึ่ง มีลักษณะสมบูรณ์พร้อมทุกประการ ตั้งแต่เกิด
มาเป็นพรานยังไม่เคยเห็นช้างเชือกไหน มีลักษณะเลิศอย่างนี้มาก่อนเลย เมื่อพระองค์ทรงทราบอย่างนั้นจึง
ทรงให้นายพรานผู้นั้นนำขบวนเพื่อไปจับช้าง เมื่อทรงเห็นช้างเชือกนั้น พระองค์ทรงดีพระทัยเป็นอย่างมาก
และสามารถล้อมจับจนได้โดยไม่ยาก ทรงให้นายหัตถาจารย์ผู้ฝึกช้าง ฝึกจนเชื่อง แต่พระเจ้าสัตตตาปนะ
ทรงรีบพระทัย เพื่อจะทรงช้างเชือกนี้ ในวันมงคลฉลองนักขัตฤกษ์ ใน 7-8 วันข้างหน้านายหัตถาจารย์ผู้มี
ความรู้ จึงต้องให้อาหารผสมกับโอสถ เพื่อให้ฝึกสอนได้ง่ายโดยเร็วพลัน
เมื่อถึงวันทรงช้างเชือกนี้ในวันฉลองนักขัตฤกษ์ พระองค์ก็ทรงช้างเลียบเมืองที่เป็นเขตป่า แต่ใน
ราตรีที่ผ่านมาที่ราวป่าแห่งนั้น มีโขลงช้างได้ถ่ายมูลลงไว้ในที่นั้น ดังนั้นเมื่อช้างมงคลที่พระเจ้าสัตตฺตาปนะ
ทรงประทับอยู่ ได้กลิ่นมูลของช้างตัวเมีย เกิดตกมันออกวิ่งตามโขลงช้างนั้นทันที ไม่สนใจมนุษย์ที่นั่งอยู่บน
หลัง สะบัดจนตกหมด เหลือแต่พระเจ้าสัตตุตาปนะพระองค์เดียว พระองค์ทรงตกพระทัย แต่ยังคงครองสติ
ไว้ เมื่อช้างวิ่งผ่านต้นไม้ใหญ่ ที่มีกิ่งยื่นออกมา พระองค์ทรงจับกิ่งไม้นั้นปล่อยให้ช้างวิ่งไปตามอิสระของมัน
เมื่อเหล่าทหารตามมาทันก็เชิญพระองค์ลงมา พระองค์ทรงโกรธเป็นอย่างมาก
เมื่อกลับมาถึงพระราชฐาน ทรงให้เรียกนายหัตถาจารย์เข้ามาเฝ้า ทรงซักถามควาญช้างถึงสาเหตุ
ควาญช้างกราบทูลว่า “การที่ช้างมงคลออกวิ่งไปนั้น เพราะตกมัน ได้กลิ่นช้างพังตัวเมียที่ถ่ายมูลไว้ที่ราวป่า
เพราะความอยากจะเสพสังวาสกับช้างตัวเมีย จึงไม่สนใจแม้ความเจ็บ และความตายอะไรทั้งสิ้น ถึงแม้จะ
ถูกตะขอสับและถูกฝึกอย่างดีมาแล้วก็ตาม เมื่อช้างมงคลเชือกนั้นได้ร่วมสังวาสกับช้างพังตัวเมียแล้ว จะ
เชื่องและกลับมาอยู่ในอำนาจมนต์ตามเดิม”
ในวันถัดมาช้างมงคลตัวนั้นก็กลับมาจริง ควาญช้างสั่งให้ทำอะไรก็ทำตามทุกอย่าง แม้กระทั่งให้
เอางวงถือก้อนเหล็กที่เผาไฟจนแดง ช้างมงคลตัวนั้นก็ทำตาม พระเจ้าสัตตตาปนะจึงทรงสลดพระทัย เห็น
โทษภัยของกามราคะว่าร้อนแรงมากนัก ก่อให้เกิดภัยอันตรายใหญ่หลวง มนต์ก็สะกดไม่อยู่ ไฟราคะนี้เอง
ตรึงสรรพสัตว์ทั้งหลายให้ติดอยู่ในวัฏสงสาร พระองค์ทรงตั้งพระทัยอย่างแน่วแน่และมั่นคงที่จะออกจากกาม
ให้พ้นจากอำนาจของราคะ จึงทรงสละราชสมบัติออกบวชเป็นดาบส ประพฤติพรหมจรรย์จนสิ้นอายุขัย
เวียนเกิดตายไปอีกนานแสนนาน นี้คือชาติที่ดำริปรารถนาพุทธภูมิหลังจากที่ได้เริ่มคิดที่จะออกจากวัฏฏะ
แห่งทุกข์นี้ ซึ่งนับจากนี้เป็นต้นไป การสร้างบารมีของพระองค์ยังต้องใช้ระยะเวลา 7 อสงไขย เริ่มตั้งแต่
ชาติที่ดำริไว้ในใจจนกระทั่งถึงชาติที่ได้เปล่งวาจาออกมา ถือว่าเป็นช่วงระยะเวลาแรกที่ได้เริ่มสร้างบารมี
เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
บทที่ 4 ก่อนจะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน DOU 97