การทรงบวชของเจ้าชายสิทธัตถะ GL 204 ศาสตร์แห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หน้า 140
หน้าที่ 140 / 209

สรุปเนื้อหา

ในเหตุการณ์ที่เจ้าชายสิทธัตถะเห็นถึงความทุกข์ของชาวโลก เขาตัดสินใจที่จะบวชเพื่อแสวงหาทางหลุดพ้น แม้พญาสวัสวดีมารจะพยายามขัดขวาง แต่เจ้าชายยืนยันที่จะออกบวช เมื่อถึงแม่น้ำอโนมา เขาทำการตัดพระเกศาและได้เครื่องบริขารจากพรหม จากนั้นเขาได้ออกเดินทางไปสู่ชีวิตใหม่ในฐานะสมณะ เพื่อค้นหาความจริงและการตรัสรู้อย่างแท้จริง การตัดสินใจนี้สร้างความอาลัยให้แก่นายฉันนะและม้ากัณฐกะ

หัวข้อประเด็น

-การตัดสินใจบวช
-การเผชิญหน้ากับมาร
-ความสำคัญของชีวิตในฐานะสมณะ
-นายฉันนะและความอาลัย
-การดำเนินการเพื่อค้นหาความจริง

ข้อความต้นฉบับในหน้า

พอเสด็จมาพ้นประตูพระราชวังเท่านั้น พญาสวัสวดีมาร (มารผู้มีจิตใจหยาบช้าชอบขัดขว้างคนไม่ ให้ทำความดี) ได้พูดขึ้นมาว่า “เจ้าชายสิทธัตถะ ท่านอย่าเพิ่งออกบวชเลย อีก 7 วันข้างหน้า ท่านจะได้ ครองราชย์เป็นพระเจ้าจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ มีสมบัติมากมายมหาศาล มีบริวารสุดจะนับประมาณได้ ท่านจะมีความสุขกับการเป็นพระเจ้าจักรพรรดิที่จะหาผู้ใดทัดเทียมมิได้เลย” เจ้าชายสิทธัตถะทรงตรัสตอบ พญามารไปว่า “อย่ามาห้ามเราเลยพญาสวัสวดีมาร เราตัดสินใจแล้ว สมบัติพระเจ้าจักรพรรดิไม่มีความ หมายสำหรับเราเลย ถ้าชาวโลกยังต้องทุกข์ทรมานกันอยู่ไม่รู้จักจบสิ้นเช่นนี้ หลีกไปซะ เราจะ แสวงหาหนทางที่จะออกไปจากความทุกข์ นี้ให้จงได้” สิ้นพระสุรเสียงของเจ้าชายสิทธัตถะพญามารก็ได้ หายวับไปกับตา จวบจนใกล้รุ่ง เจ้าชายได้เดินทางมาถึงแม่น้ำอโนมา ด้วยบุญญาธิการที่พระองค์เคยสั่งสมมาใน อดีตชาติทำให้เทวดาที่สถิตย์อยู่ในวิมานชั้นต่างๆ ต้องทิ้งวิมานเพื่อลงมาปกปักรักษา ให้เจ้าชายข้ามแม่น้ำอ โนมาไปด้วยความปลอดภัย พอพ้นเขตพระนครกบิลพัสดุ์ ทรงลงจากหลังม้า ประทับนั่งบนหาดทรายขาวริม แม่น้ำอโนมา ทรงตรัสกับนายฉันนะว่า “ฉันนะ เราจะบวชเป็นบรรพชิต จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่นี้แสวงหา ทางพ้นทุกข์” สิ้นพระสุรเสียง พระองค์ทรงใช้พระขรรค์ตัดพระเกศาโยนปอยผมไปบนอากาศ และตั้งจิต อธิษฐานว่า “ถ้าการออกบวชของเราในครั้งนี้จะทำให้เราได้ตรัสรู้ธรรม เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขอ ปอยผมนี้อย่าได้ร่วงลงสู่พื้นดินเลย แต่ถ้าไม่สามารถที่จะตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ ขอ ให้ปอยผมนี้จงร่วงลงสู่ผืนดินด้วยเถิด” ด้วยบุญญาธิการของเจ้าชายที่สั่งสมมาแล้วในอดีตชาติ เทวดา บนสรวงสวรรค์ต้องการจะเก็บรักษาบ่อยผมของเจ้าชาย จึงได้เอาพานแก้วมารองรับปอยผมของพระองค์ ไม่ให้ร่วงลงสู่ผืนดินเมื่อเจ้าชายเห็นว่าปอยผมของพระองค์นั้นลอยอยู่บนอากาศไม่ได้ร่วงลงสู่ผืนดิน ทรงมี พระทัยปีติเบิกบาน มีพระกำลังใจยิ่งนัก ขณะนั้นเองฆฏิการพรหม (เป็นพรหมชั้นสุทธาวาส) ได้นำผ้าสีย้อมน้ำฝาด พร้อมด้วยเครื่องอัฏฐบริขาร มีบาตรเป็นต้นมาถวายเจ้าชาย นายฉันนะเมื่อเห็นเจ้าชายครองผ้าสีย้อมน้ำฝาดแทนชุดเจ้าชายที่เคยสวมใส่ ก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เจ้าชายสิทธัตถะ บัดนี้ได้การมาเป็นสมณะสิทธัตถะผู้ไม่มีบ้านเรือนอีกต่อไป ชีวิตที่เคย เพียบพร้อมไปสละทุกอย่าง บัดนี้เหลือเพียงผ้าของนักบวชที่ห่อหุ้มพระวรกาย สมณะสิทธัตถะเห็นนาย ฉันนะนั่งร่ำไห้อยู่ จึงตรัสด้วยพระสุรเสียงที่เปี่ยมพระเมตตาไปว่า “ฉันนะ อย่าได้ร้องไห้เลยเราไม่ได้ตาย จากไปไหน เพียงแค่เราเปลี่ยนสถานะภาพจากเจ้าชายมาเป็นนักบวชที่จะแสวงหาความจริงของชีวิตเท่านั้น ฉันนะจงนำอาภรณ์ชุดเจ้าชายที่เราเคยสวมใส่นี้กลับไปยังกรุงกบิลพัสดุ์ด้วย และกราบทูลเสด็จพ่อ พระมาตุฉา ด้วยว่า เมื่อใดที่เราได้สำเร็จวิชชาแห่งการหลุดพ้นจากความทุกข์ได้แล้ว เราจะกลับไปหาท่านทั้งสอง” นาย ฉันนะได้จ้องมองพระพักตร์ของสมณะสิทธัตถะด้วยแววตาอาลัยอาวรณ์ยิ่งนัก แต่ก็ต้องถวายบังคมแทบ พระยุคลบาท ลาจากไป ฉันนะก้มกราบพระบาทของสมณะสิทธัตถะ และจูงม้ากัณฐกะออกเดินทางจากริม ฝั่งน้ำอโนมาย้อนกลับมาเส้นทางเดิมที่เคยมีเจ้าชายเสด็จมาด้วย แต่บัดนี้ไม่มีเจ้าชายสิทธัตถะอีกแล้ว ม้ากัณฐกะไม่ได้ละสายตามาจากสมณะสิทธัตถะเลย ยังมองด้วยความรักและอาลัยอาวรณ์อยาก ที่สุดจะพรรณนาออกมาได้ จวบจนกระทั่งภาพของสมณะสิทธัตถะค่อยๆ เลือนลาง และพ้นไปจากสายตา ม้า กัณฐกะก็ล้มลงขาดใจตายด้วยความรักความผูกพันอาลัยอาวรณ์ที่มีต่อสมณะสิทธัตถะ นายฉันนะจึงต้อง เดินทางกลับนครกบิลพัสดุ์เพียงลำพัง ข่าวการหายตัวของเจ้าชายและนายฉันนะได้ดังไปทั่วกรุงกบิลพัสดุ์ จนกระทั่งนายฉันนะได้เดินทางกลับมาถึง และได้ไปกราบถวายบังคมทูลเรื่องทั้งหมดต่อพระเจ้าสุทโธทนะให้ ทรงทราบ บทที่ 5 พุทธประวัติพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันช่วงปฐมกาล DOU 129
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More