ข้อความต้นฉบับในหน้า
ภาชนะดินที่ช่างหม้อทำ ทั้งเล็ก ทั้งใหญ่ ทั้งสุก
ทั้งดิบทุกชนิด มีความแตกทำลายเป็นที่สุด ฉันใด
ชีวิตของสัตว์ทั้งหลาย ก็ฉันนั้น”
และตรัสต่อไปอีกว่า “วัยของเราแก่หง่อมแล้ว ชีวิตของเราเหลือน้อย เราจะละพวกเธอไป เราได้
ทำที่พึงแก่ตนแล้ว พวกเธอจงไม่ประมาท มีสติ มีศีลด้วยดีเถิด จงเป็นผู้มีความดำริตั้งมั่นด้วยดี จงตาม
รักษาจิตของตนเถิด ผู้ใดจักเป็นผู้ไม่ประมาทอยู่ในธรรมวินัยนี้ ผู้นั้นจักละชาติสงสาร แล้วทำที่สุดแห่งทุกข์
ได้”1
7.1.1 หมู่บ้านภัณฑคาม
เช้าวันต่อมา พระพุทธองค์เสด็จเข้าไปบิณฑบาตในเมืองเวสาลี ขณะเสด็จกลับออกมา ก็ทรงหยุด
ประทับยืนทอดพระเนตรเมืองเวสาลีเป็นนาคาวโลก คือทรงเหลียวดูโดยหันพระวรกายกลับมาทั้งตัว แล้ว
เสด็จไปยังหมู่บ้านภัณฑคาม พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ ขณะที่ประทับอยู่ในหมู่บ้านภัณฑคาม ได้ตรัสกับ
ภิกษุทั้งหลายว่า “เพราะไม่รู้แจ้งแทงตลอด อริยธรรม 4 คือ ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ เราและพวกเธอ จึง
เร่ร่อนเที่ยวไปสิ้นกาลนานอย่างนี้ บัดนี้เราได้รู้แจ้งแทงตลอดถึงศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติอันเป็นอริยะแล้ว
ตัณหาในภพเราถอนเสียแล้ว ตัณหาอันจะนำไปสู่ภพสิ้นแล้ว บัดนี้ภพใหม่ไม่มีแล้ว”
7.1.2 เรื่องของนายจุนทกัมมารบุตร
หลังจากที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ในหมู่บ้านภัณฑคามแล้ว ก็ได้เสด็จไปที่โภคนคร โดย
เสด็จผ่านหมู่บ้านหัตถีคาม อัมพคาม ชมพุคาม ตามลำดับ จนถึงโภคนคร ได้ประทับอยู่ที่อานันทเจดีย์ ทรง
แสดงมหาปเทส 4 ประการ เพื่อเป็นเครื่องวินิจฉัยพระธรรมวินัย นอกจากนั้น ยังทรงแสดงธรรมอื่นๆ อีก
เป็นอันมากแก่ภิกษุทั้งหลายตามสมควร
3
จากนั้น พระพุทธองค์ได้เสด็จไปยังเมืองปาวา ประทับอยู่ที่อัมพวัน คือสวนมะม่วงของนาย
1 มหาปรินิพพานสูตร, ทีฆนิกาย มหาวรรค, มก. เล่ม 13 ข้อ 107-108 หน้า 290-291.
2 บางแห่งเรียกว่า หมู่บ้านภัณฑคาม
มหาปรินิพพานสูตร, ทีฆนิกาย มหาวรรค, มก. เล่ม 13 ข้อ 112 หน้า 293.
มหาปเทส 4 ประการ คือ 1.หากมีภิกษุในธรรมวินัยนี้ กล่าวว่า นี้คือธรรม นี้คือวินัย ที่ได้รับฟังมาจากพระโอษฐ์ของ
พระศาสดาโดยตรง พวกเธออย่าเพิ่งเชื่อหรือคัดค้าน ขอให้สอบทานในพระสูตร เทียบเคียงในพระวินัย หากมีข้อความตรงกัน จึง
เชื่อได้ว่า นี้เป็นคำสอนของพระศาสดา หากไม่ตรงกัน แสดงว่าสงฆ์นั้นจำมาผิด พวกเธอจึงทิ้งคำกล่าวนั้นเสีย 2. หากมีภิกษุใน
ธรรมวินัยนี้ กล่าวว่า นี้คือธรรม นี้คือวินัย ที่ได้รับฟังมาจากเหล่าสงฆ์ ต่อหน้าพระเถระ พวกเธออย่าเพิ่งเชื่อหรือคัดค้าน ขอให้
สอบทานในพระสูตร เทียบเคียงในพระวินัย หากมีข้อความตรงกัน จึงเชื่อได้ว่า นี้เป็นคำสอนของพระศาสดา หากไม่ตรงกัน แสดง
ว่าสงฆ์นั้นจำมาผิด พวกเธอจึงทิ้งคำกล่าวนั้นเสีย 3. หากมีภิกษุในธรรมวินัยนี้ กล่าวว่า นี้คือธรรม นี้คือวินัย ที่ได้รับฟังมาจากพระ
เถระหลายรูป ผู้เป็นพหูสูต พวกเธออย่าเพิ่งเชื่อหรือคัดค้าน ขอให้สอบทานในพระสูตร เทียบเคียงในพระวินัย หากมีข้อความตรง
กัน จึงเชื่อได้ว่า นี้เป็นคำสอนของพระศาสดา หากไม่ตรงกัน แสดงว่าสงฆ์นั้นจำมาผิด พวกเธอจึงทิ้งคำกล่าวนั้นเสีย 4. หากมี
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ กล่าวว่า นี้คือธรรม นี้คือวินัย ที่ได้รับฟังมาจากพระเถระรูปหนึ่ง ผู้เป็นพหูสูต พวกเธออย่าเพิ่งเชื่อหรือคัดค้าน
ขอให้สอบทานในพระสูตร เทียบเคียงในพระวินัย หากมีข้อความตรงกัน จึงเชื่อได้ว่า นี้เป็นคำสอนของพระศาสดา หากไม่ตรงกัน
แสดงว่าสงฆ์นั้นจํามาผิด พวกเธอจึงทิ้งคำกล่าวนั้นเสีย
160 DOU ศาสตร์แห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า