เจ้าชายสิทธัตถะและการตั้งคำถามเกี่ยวกับชีวิตและความตาย GL 204 ศาสตร์แห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หน้า 139
หน้าที่ 139 / 209

สรุปเนื้อหา

เจ้าชายสิทธัตถะได้เห็นความตายและความทุกข์ที่เกิดจากความแก่และความเจ็บป่วย ทำให้เขาตระหนักถึงการดำรงชีวิตที่ไม่ยั่งยืน บวกกับการพบกับนักบวชซึ่งเป็นเครื่องเตือนใจให้เขาคิดถึงทางเลือกในการหลุดพ้นจากความทุกข์ เขาจึงตัดสินใจออกบวชเพื่อตามหาความสุขที่แท้จริง โดยไม่สนใจชีวิตในประ palace และพบเห็นความเปลี่ยนแปลงของผู้อื่นที่เคยอยู่ในวงสังคมเดียวกับเขา

หัวข้อประเด็น

-การตั้งคำถามเกี่ยวกับชีวิต
-การเห็นความตาย
-การค้นหาความสุขที่แท้จริง
-การออกบวช

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ตรัสถามนายสารถีว่า “นายสารถี คนนี้ทำไมถึงนอนแน่นิ่งเช่นนี้ล่ะ” แล้วทำไมถึงมีคนร้องไห้ห้อมล้อม เขาอยู่อย่างนั้น นายสารถีได้กราบทูลว่า “นี่เขาเรียกว่าคนตายพระเจ้าข้า คนตายคือคนที่ไม่หายใจแล้ว เคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้ รอการเป็นอาหารของหนอนมาแทะกินพระเจ้าข้า แต่ว่าในโลกนี้ไม่มีใครเลย ที่จะไม่ตายหรอกพระเจ้าข้า ข้าพระองค์ก็ต้องตายเหมือนกัน ส่วนคนที่ร้องไห้อยู่นั้นเป็นญาติของคนที่ ตายไปแล้วพระเจ้าคะ ร้องไห้คร่ำครวญกันประหนึ่งจะเรียกร้องให้ดวงจันทร์นั้นลงมาอยู่ในมือของตน ให้ได้เลยพระเจ้าข้า” เจ้าชายสิทธัตถะทรงสลดพระราชหฤทัยหนักยิ่งขึ้นกว่าวันก่อนๆ วันที่สี่ วันนี้เป็นวันที่ท้องฟ้ากระจ่างใสอากาศก็สดใสกว่า 3 วันก่อน พระองค์ทรงทอดพระเนตร เห็นบุรุษห่มผ้าสีเปลือกไม้ใบหน้าผ่องใส ศีรษะไม่มีผมเดินมาด้วยอาการสงบสำรวม เจ้าชายจึงได้ตรัสถาม นายสารถีว่า “นายสารถี คนนั้นที่กำลังเดินอยู่นั่นเป็นใครทำไม่มีลักษณะไม่เหมือนคนทั่วไป” นายสารถี จึงได้กราบทูลไปว่า “เขาเรียกว่านักบวชพระเจ้าข้า นักบวชจะเป็นผู้ที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับการครองเรือน แต่ จะแสวงหาวิธีการและหนทางที่จะหลุดพ้นไปจากความทุกข์ที่ต้องเกิดแก่เจ็บตาย โดยการออกบวช พระเจ้าข้า” เจ้าชายได้ฟังเช่นก็มีความรู้สึก ปีติแช่มชื่นใจยิ่งนัก แม้รถม้าจะวิ่งผ่านไปไกลจากนักบวชคนนั้น แต่สายตาของพระองค์ก็มิได้ทรงละจากนักบวชรูปนั้นเลย ทรงเหลียวหลังทอดพระเนตรดูนักบวชคนนั้นด้วย ความสุขใจ และทรงรำพึงขึ้นในใจว่า “ชีวิตของนักบวชช่างดูสงบร่มเย็น เป็นชีวิตที่ไม่เหมือนคนทั่วไป เลย” นับเป็นบุญบารมีในตัวของเจ้าชายสิทธัตถะโดยแท้ ที่ได้กระเตือนให้เห็นภัยจาก ความแก่ ความเจ็บ ความตาย จึงเกิดความเบื่อหน่ายสุดประมาณ ธรรมดาบุคคลทั่วไป เห็นความแก่ ความเจ็บ ความตายเป็น เรื่องปกติ แม้พบเห็นสิ่งเหล่านี้อยู่เป็นประจำก็ไม่ได้คิด เพราะเหตุแห่งการสั่งสมปัญญายังไม่สมบูรณ์ ไม่ อาจกระตุ้นเตือนให้เห็นภัย จากสิ่งเหล่านี้ได้ และยังคงติดอยู่กับโลกปัจจุบันที่ต้องทำหากินเพื่อหล่อเลี้ยง สังขารให้ดำรงอยู่ได้ และในที่สุดก็ไม่อาจจะหลุดพ้นจากวัฏจักรนี้ไปได้ 5.6 เสด็จออกบรรพชาเพื่อค้นหาความสุขที่แท้จริง ในค่ำคืนหนึ่ง ที่ปราสาทของเจ้าชายมีการขับร้องเต้นรำมีดนตรีเห่กล่อม เหมือนกับทุกคืนที่ผ่านมา แต่คืนนี้ ไม่มีเจ้าชายออกมาร่วมสนุกสนานเหมือนทุกคืนที่ผ่านมา พระองค์ทรงเข้าห้องบรรทมตั้งแต่หัวค่ำ และทรงตื่นขึ้นในกลางดึกทรงทอดพระเนตรเห็นนางสนมทั้งหลายที่เคยงดงาม ในยามเต้นรำ นอนหลับใหล ภายในห้องโถงนั้น บ้างคนก็อ้าปากน้ำลายไหลยืด ก่ายกันไปมา บ้างคนก็นอนกรน บ้างคนก็นอนละเมอ บ้างคนก็นอนจนผ้าหลุดลุ่ย พระองค์ทรงรำพึงในใจว่า “หญิงที่เคยงดงามเหล่านี้ บัดนี้ดูไม่แตกต่างไปจาก ซากศพที่กองเกลื่อนอยู่ในป่าช้า ชีวิตของการครองเรือนช่างน่าเบื่อหน่ายยิ่งนัก ดูแต่นางทั้งหลายเหล่านี้ สักวันก็ต้องตายไป ร่างกายที่เคยงดงามก็จะต้องเน่าเปื่อยไปเป็นอาหารของหนอน ชีวิตทุกชีวิตที่เกิด มาล้วนแต่ไม่มีอะไรยั่งยืนวันเวลาก็นำพาชีวิตไปสู่ความตายทุกวัน” เจ้าชายทรงหันไปหยิบพระขันธ์ และ เดินออกจากห้องโถงของปราสาทไปหานายฉันนะ ทรงรับสั่งให้นายฉันนะเตรียมม้ากัณฐกะ จากนั้นด้วย เยื่อใยแห่งความผูกพัน พระองค์ก็เสด็จไปยังห้องบรรทมของพระนางพิมพา เห็นพระนางนอนบรรทมกอด พระราหุลไว้ข้างพระวรกาย ใจหนึ่งก็อยากจะเข้าไปชื่นชมราหุลราชกุมารซึ่งเพิ่งประสูติ อีกใจหนึ่งก็กลัวว่า พระนางพิมพาจะตื่น จึงทรงตัดใจจากมาอย่างเด็ดเดี่ยวและไม่เหลียวหลังกลับไปอีกเลย ทรงม้ากัณฐกะออก มาจากพระราชวัง กับนายฉันนะ 128 DOU ศาสตร์แห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More