ข้อความต้นฉบับในหน้า
ทำได้เท่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นไม่มี และผู้ที่จะทำประโยชน์อย่างมากมายที่แท้จริงอย่างนี้ หาได้ไม่ง่ายใน
โลกใบนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงเป็นเอกบุคคล ที่ไม่มีบุคคลใดเสมอเหมือน และเกิดขึ้นได้ยากยิ่งในโลก
ดังพุทธดำรัสที่ตรัสการอุบัติขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์เป็นการยากว่า
“กิจโฉ พุทฺธานมุปทาโท
การอุบัติขึ้นของพระพุทธเจ้าทั้งหลายเป็นการยาก”
2.3 เหตุที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ทรงอุบัติขึ้นพร้อมกัน
จากหัวข้อที่แล้ว ได้กล่าวไว้ว่า การอุบัติขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายเป็นการยาก เพราะ
ต้องใช้เวลาในการสั่งสมบารมีเป็นเวลายาวนานมากกว่าที่จะเสด็จมาตรัสรู้สักพระองค์หนึ่ง และยิ่งไปกว่านั้น
การที่จะมีบุคคลใดคิดที่จะหลุดพ้นออกจากวัฏสงสารนี้ จะต้องเป็นบุคคลพิเศษกว่าบุคคลทั่วไป เนื่องจาก
ต้องสั่งสมบ่มบารมีมาอย่างต่อเนื่องโดยลำดับ เพื่อที่จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยเฉพาะ จึงไม่ใช่
เรื่องง่ายที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะอุบัติขึ้นมาสักพระองค์หนึ่ง แต่เมื่อใดที่พระพุทธองค์สั่งสมบ่มบารมีจน
ครบสมบูรณ์ทุกประการ ก็จะเสด็จมาอุบัติตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเอกบุคคลที่ไม่มีบุคคลใด
เสมอเหมือน นำพระสัทธรรม มาสั่งสอนแก่สรรพสัตว์ทั้งหลายให้รู้ความเป็นจริงของโลกและชีวิต เพื่อจะได้
หลุดพ้นออกจากวัฏสงสารนี้ไปสู่พระนิพพานได้
การอุบัติขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงเป็นสิ่งที่หาได้ยากในโลกนี้และไม่มีบุคคลใดเสมอเหมือน
เพราะพระพุทธองค์ได้สั่งสมบารมี ฝึกฝนตนเองมาหลายภพหลายชาติ จนทำให้มีคุณธรรมและคุณสมบัติที่
สูงกว่าบุคคลทั่วไป ด้วยเหตุนี้ พระพุทธองค์จึงทรงเป็นเอกบุคคลบนโลกนี้ แม้แต่เวลาที่เสด็จมาอุบัติ ก็อุบัติ
ขึ้นได้คราวละหนึ่งพระองค์เท่านั้น ไม่เสด็จอุบัติขึ้นพร้อมกันทีเดียวหลายพระองค์ ถึงแม้ในกัปเดียวกัน เช่น
ในภัทรกัปนี้ มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาอุบัติขึ้น 5 พระองค์ แต่ก็ไม่ได้อุบัติขึ้นพร้อมกันทีเดียว 5 พระองค์ จะ
อุบัติขึ้นตามลำดับ โดยรอให้พระศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ก่อนนี้หมดสิ้นเสื่อมไปก่อนและอยู่ใน
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการมาตรัสรู้ เมื่อนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็มาอุบัติตรัสรู้สั่งสอนสรรพสัตว์ทั้งหลาย
ให้หลุดพ้นจากวัฏสงสาร
ถึงแม้การอุบัติขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากและไม่ได้อุบัติขึ้นมาพร้อมกัน
ในคราวเดียวกันหลายพระองค์ แต่มีอยู่บางครั้งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะอุบัติขึ้นมาทีเดียว 2 พระองค์ แต่
อยู่คนละจักรวาลดังมีจารึกไว้ในคัมภีร์เล่มหนึ่งของประเทศพม่า กล่าวไว้ว่า พระโมคคัลลานะเหาะไปในอากาศ
เพลิน ไปด้วยกายมนุษย์นี้ ก่อนที่จะเหาะขึ้นไป พระพุทธเจ้าท่านตรัสบอกพระโมคคัลลานะไปว่า “เมื่อไรเห็น
โลกเล็กเท่ามะขามป้อมให้ลงมานะ ถ้าเล็กกว่านั้น เดี๋ยวจะพลัดไปสู่จักรวาลอื่น” แต่พระโมคคัลลานะก็
เพลินไปอีกจักรวาลหนึ่ง จนกระทั่งพบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกพระองค์หนึ่ง ซึ่งมีพระลักษณะเป็นอย่าง
เดียวกับพระสมณโคดมพุทธเจ้าทุกอย่าง แต่พอเข้าไปกราบจึงรู้ว่าไม่ใช่พระสมณโคดมพุทธเจ้า เพราะ
พระพุทธเจ้าพระองค์นั้นทรงตรัสกับพระโมคคัลลานะว่า พระองค์ไม่ใช่พระสมณโคดมพุทธเจ้า และได้บอก
ชื่ออัครสาวก ซ้าย ขวา ว่า ชื่อนั้น ชื่อนี้ พระโมคคัลลานะจึงทราบว่าตนเองได้หลงมาอีกจักรวาลหนึ่งแล้ว
เรื่องนาคราช ชื่อ เอรกปัตตะ, ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท, มก. เล่ม 42 หน้า 329.
บทที่ 2 ธ ร ร ม ช า ติ ข อ ง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า DOU 33