พระเวสสันดรและการประสูติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า GL 204 ศาสตร์แห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หน้า 132
หน้าที่ 132 / 209

สรุปเนื้อหา

พระเวสสันดรเป็นพระชาติสุดท้ายของพระบรมโพธิสัตว์ ก่อนที่จะจุติเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ แม้ว่าจะจุติเป็นมนุษย์เพื่อตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านตรึกตรองถึงองค์ประกอบสำคัญในการจุติ รวมถึงกาลเวลา ทวีป และประเทศที่เหมาะสม เป็นสิ่งที่ศึกษาและเข้าใจถึงความสำคัญของการบำเพ็ญบารมี การตรัสรู้และการสั่งสอนสรรพสัตว์ให้หลุดพ้นจากทุกข์ ท่านได้พิจารณาปัญจมหาวิโลกนะเพื่อค้นหาความเหมาะสมในการจุติอย่างละเอียดด้วย เพื่อให้การตรัสรู้สามารถเป็นจริง เพื่อโปรดสั่งสอนตามแนวทางที่ถูกต้อง

หัวข้อประเด็น

- ความสำคัญของพระเวสสันดร
- ปฐมกาลของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
- การพิจารณาปัญจมหาวิโลกนะ
- องค์ประกอบในการจุติ
- บารมีของพระบรมโพธิสัตว์

ข้อความต้นฉบับในหน้า

พระเวสสันดรเป็นพระชาติสุดท้ายที่พระบรมโพธิสัตว์บังเกิดมาสร้างบารมี เมื่อละจากอัตภาพ มนุษย์ได้บังเกิดเป็นท้าวสันดุสิต ครองความเป็นใหญ่ในสวรรค์ชั้นดุสิต และได้ทำหน้าที่สอนธรรมะเหมือน พร้อมรอวันที่จะจุติลงมาปฏิสนธิเป็นเจ้าชายสิทธัตถะเพื่อตรัสรู้เป็น พระบรมโพธิสัตว์องค์ก่อนๆ พระพุทธเจ้าองค์ต่อไปในอนาคตเช่นกัน ในคัมภีร์ลลิตวิสตระและปฐมสมโพธิกถา กล่าวตรงกันว่า ข่าวเทพบุตรสันดุสิตจะจุตินั้น เทวดา ต่างรู้ล่วงหน้าเป็นเวลา 1 แสนปี สันนิษฐานว่า เป็นช่วงเวลาที่โลกว่างจากพระพุทธเจ้า ได้มีการป่าว ประกาศไปทั่วหมื่นจักรวาล โดยเหล่าพรหมชั้นสุทธาวาส เทวดาในหมื่นจักรวาลฟังการป่าวประกาศนั้นแล้ว ต่างมาประชุมพร้อมกัน เพื่อค้นหาผู้ที่จะจุติยังโลกมนุษย์เพื่อตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขณะค้นหานั้น กาลเวลาก็ได้ล่วงมาเนินนาน ได้พบเทพบุตรสันดุสิตเกิดบุพนิมิต อันเป็นสิ่งบอกเหตุล่วงหน้าว่าจะจุติ ครั้นเทพบุตรสันดุสิตเกิดบุพนิมิตแล้ว หมู่เทวดาก็ทราบทันทีว่า เทพบุตรองค์นี้แหละจะจุติมาถือ ปฏิสนธิเป็นมนุษย์เพื่อตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากนั้นข่าวการจะจุติของเทพบุตรสันดุสิตก็กระจาย สะพัดไปยังหมื่นจักรวาล หมู่เทวาดาทั้งหมื่นจักรวาลตั้งแต่มหาพรหมลงมา จนถึงเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกา ต่างมาประชุมพร้อมกัน แล้วไปยังสวรรค์ชั้นดุสิตเพื่ออัญเชิญเทพบุตรสันดุสิตให้จุติลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ ในมนุษยโลก เพื่อจะได้บรรลุสัพพัญญุตญาณ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อโปรดสั่งสอนสรรพสัตว์ให้หลุด พ้นจากกองทุกข์ สมดังที่พระองค์ได้บำเพ็ญบารมีตั้งพระทัยไว้แต่แรก ทรงพิจารณาปัญจมหาวิโลกนะ ในกาลนั้น พระโพธิสัตว์ฟังคำกล่าวอันเชิญแล้ว ยังมิได้รับคำในทันที จะต้องทรงต้องพิจารณา ปัญจมหาวิโลกนะ คือ การตรวจดูอย่างละเอียดในเรื่องสำคัญ 5 ประการ คือ ตรวจดูกาล โดยตรวจดูอย่างละเอียดว่า ถึงเวลาที่จะจุติเกิดเป็นมนุษย์เพื่อตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัม พุทธเจ้าได้หรือยัง เงื่อนไขสำคัญ คือ อายุของคนในยุคนั้นๆ ถ้าเจริญขึ้นเกินแสนปีไม่ใช่กาลอันสมควร ด้วย เหตุว่า ในกาลที่มนุษย์มีอายุเกินแสนปี ชาติ ชรา มรณะ จักไม่ปรากฏแก่สัตว์ทั้งหลาย เมื่อพระสัมมาสัม พุทธเจ้าตรัสถึงอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สัตว์ทั้งหลายย่อมไม่เข้าใจในพระดำรัสนั้น ฉะนั้นการบรรลุมรรคผลก็ จะไม่มีเมื่อไม่มีการบรรลุมรรคผล ศาสนาจะไม่ดำรงอยู่ได้ แม้ในกาลที่อายุต่ำกว่าร้อยปี ก็ยังมิใช่กาลอันสมควร เพราะในกาลนั้น สัตว์ทั้งหลายมีกิเลสหนาแน่น โอวาทที่จะทรงสั่งสอนแก่สัตว์ผู้มีกิเลสหนาก็จักไม่เป็นผล เหมือนรอยไม้ที่ขีดในน้ำ จึงเป็นกาลที่ไม่สมควร ในกาลแห่งอายุตั้งแต่แสนปีลงมา และตั้งแต่ร้อยปีขึ้นไป ชื่อว่าเป็นกาลอันสมควร ก็ในกาลนั้นเป็นเวลาร้อยปี พระบรมโพธิสัตว์จึงทรงเห็นว่าเป็นกาลที่ควรบังเกิด ตรวจดูทวีป ในบรรดาทวีปทั้ง 4 คือ อุตตรกุรุทวีป อปรโคยานทวีป ปุพพวิเทหทวีป และชมพูทวีป ทรงเห็นว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย ไม่เกิดในทวีปทั้ง 3 แต่เกิดในชมพูทวีปเท่านั้น เพราะชาวชมพู ทวีปมีคุณสมบัติพร้อมที่จะรองรับคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธได้ และพระชนก พระชนนีนี้ก็เกิดในชมพูทวีป จึงทรงพิจารณาว่า จักเกิดในชมพูทวีป ตรวจดูประเทศ ตรวจดูประเทศหรือดินแดนส่วนใดในชมพูทวีปสมควรจะเป็นถิ่นกำเนิดของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็พบว่าดินแดนชมพูทวีป แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ปัจจันตประเทศ ได้แก่ดินแดนรอบ ลลิต. หน้า 20, ปฐมสมโพธิ, หน้า 37. บทที่ 5 พุทธประวัติพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันช่วงปฐมกาล DOU 121
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More