การสร้างบารมีและผลแห่งการทำทานของพระโพธิสัตว์ GL 204 ศาสตร์แห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หน้า 123
หน้าที่ 123 / 209

สรุปเนื้อหา

บทความนี้กล่าวถึงการปฏิบัติและการสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์ซึ่งมีผลต่อสรรพสัตว์และมนุษย์ โดยพระเวสสันดรที่เป็นตัวอย่างในการถวายทานอย่างทุ่มเท และการที่พระโพธิสัตว์ดำเนินชีวิตเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น จากการปฏิบัตินี้ทำให้พระองค์จะสามารถกลับมาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังเน้นถึงการสร้างบารมีอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดผลดีต่อสรรพสัตว์ทุกชีวิตและเป็นแรงบันดาลใจในการทำความดี

หัวข้อประเด็น

-การทำทานของพระโพธิสัตว์
-ผลแห่งการสร้างบารมี
-เส้นทางสู่การเป็นสัมมาสัมพุทธเจ้า
-วิธีการสร้างบารมี
-ความสำคัญของพระโพธิสัตว์ต่อสรรพสัตว์

ข้อความต้นฉบับในหน้า

พระเจ้าสัญชัยจึงพระราชทานทรัพย์เพื่อเป็นค่าไถ่แก่ชูชก และเลี้ยงต้อนรับอย่างดี ทำให้ชูชกซึ่ง ไม่ได้ประมาณในการบริโภคอาหาร จึงท้องแตกตาย พระเจ้าสัญชัยจึงโปรดให้ขนทรัพย์ทั้งหมดคืน พระคลัง หลวง เนื่องจากไม่มีญาติมารับเอาทรัพย์นั้นไป หลังจากนั้น พระเจ้าสัญชัยก็ได้เตรียมการที่จะเสด็จไปเขาวงกต ซึ่งเมื่อเตรียมการเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เดินทางไปรับด้วยพระองค์เองพร้อมกับกองทัพ เมื่อเสด็จไปถึงที่อยู่ ของพระเวสสันดร ก็ได้สนทนากันอย่างร่าเริงเบิกบานด้วยความคิดถึง และขอร้องให้พระเวสสันดร กลับไป กรุงเชตุดร เมื่อพระเวสสันดรปฏิเสธก็ได้พากันหมอบลงขอร้อง ทำให้พระเวสสันดรต้องเสด็จกลับพระนคร พร้อมกองทัพ เมื่อพระองค์เสด็จกลับถึงกรุงเชตุดรแล้ว ก็ทรงปกครองไพร่ฟ้าประชาราษฎร์ด้วย ทศพิธราช ธรรม ทรงบำเพ็ญทานบารมีจนตลอดพระชนมชีพ จากนั้นก็ได้ไปบังเกิดเป็นท้าวสันดุสิตเทวราชเป็น จอมเทพในสวรรค์ชั้นดุสิต นี้คือผลแห่งการทำทานอย่างทุ่มเทแบบสุดกำลังของพระโพธิ์สัตว์ ชนิดเอาชีวิตเป็นเดิมพันนั้น เมื่อ ถึงคราวบุญส่งผล นอกจากจะส่งผลดีให้เฉพาะตัวท่านแล้ว ยังส่งผลถึงเหล่าประชาราษฎร์และสรรพสัตว์ อีกมากมายนับไม่ถ้วน เพราะพระองค์มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ทุกอย่างที่พระองค์คิด ทุกสิ่งที่พระองค์ทำ ทุก ถ้อยคำที่พระองค์พูด ต่างก็เป็นไปเพื่อสันติสุขของมวลมนุษยชาติอย่างแท้จริง สมควรที่พวกเราจะยึดเอา ท่านเป็นแบบอย่างในการสร้างบารมีให้ยิ่งๆ ขึ้นไปกันทุกคน พระชาตินี้เป็นพระชาติสุดท้ายที่พระองค์เกิดมาเพื่อสร้างบารมีในการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่ง เมื่อพระองค์ได้กลับมาเกิดอีกในครั้งต่อไป ก็จะมาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บารมีของพระองค์จึงเต็ม เปี่ยมบริบูรณ์ในพระชาตินี้ พร้อมที่จะมาเกิดเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ต่อไปได้อย่างแน่นอน เพียงแต่ ต้องรอเวลาในการเสด็จมาตรัสรู้ แต่เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมแก่การมาบังเกิดเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ จะเสด็จมายังสรรพสัตว์ให้รู้ความเป็นจริงของชีวิต และหลุดพ้นจากวัฏสงสารนี้ออกไปได้อย่างเช่นกับพระองค์ บทสรุป ดังที่ได้กล่าวมาแล้วทั้งหมดในบทเรียนนี้ นักศึกษาคงจะเข้าใจชัดเจนขึ้นว่า ก่อนที่พระสมณโคดม สัมมาสัมพุทธเจ้า จะตั้งความปรารถนาเพื่อมาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ก็เป็นมนุษย์ธรรมดา คนหนึ่งอย่างพวกเราทั่วไป แต่ด้วยประสบการณ์และการสั่งบุญบารมีมาตลอดจากการเวียนว่ายตายเกิดใน วัฏสงสารนี้ จึงทำให้พระองค์เกิดปัญญา มองเห็นว่า โลกใบนี้มีแต่ความทุกข์ที่มนุษย์ต้องวนเวียนอยู่อย่าง ไม่รู้จักจบสิ้น พระองค์จึงเกิดความคิดที่จะหลุดพ้นออกไปจากวัฏสงสารนี้ และจะไม่ไปเพียงลำพังพระองค์เดียว แต่จะพาสรรพสัตว์ทั้งหลายให้หลุดพ้นออกไปด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ที่มีต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ได้เนมิตตกนามที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ความเป็นมนุษย์ว่า พระโพธิสัตว์ คือ สัตว์ที่ปรารถนาจะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อพระโพธิสัตว์ปรารถนาที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ก็จะต้องเร่งสั่งสมบารมีอย่างต่อเนื่อง โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน พระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าจะต้องสั่งสมบารมีทั้งหมด 20 อสงไขยกับแสนมหากัป โดยแบ่งระยะเวลาในการสั่งสมบารมีเป็น 3 ช่วง คือ การดำริไว้ในใจที่จะปรารถนาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังไม่กล้าบอกใคร ต้องสร้างบารมี 7 อสงไขยกับแสนมหากัป ต่อมาเริ่มมีความกล้ามากขึ้นที่จะเปล่งวาจา ออกมาบอกแก่คนอื่นให้ได้ยิน ต้องสร้างบารมีเป็นเวลา 9 อสงไขยกับแสนมหากัป เมื่อได้สร้างบารมีมา 112 DOU ศาสตร์แห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More