ประวัติศาสตร์การตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า GL 204 ศาสตร์แห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หน้า 150
หน้าที่ 150 / 209

สรุปเนื้อหา

เนื้อหาเกี่ยวกับความพยายามของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญเพียรและการตรัสรู้ ในระหว่างนี้มีช่วงเวลาที่ทรงประสบกับอุปสรรคจากพญามาร แต่พระองค์ยังคงมุ่งมั่น จนในที่สุดได้บรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณและได้ชื่อว่า อะระหัง กับ สัมมาสัมพุทโธ ความสำเร็จนี้มาจากความบริสุทธิ์จากกิเลสและอาสวะ นับว่าเป็นเรื่องราวที่มีค่าในประวัติศาสตร์ทางพระพุทธศาสนา

หัวข้อประเด็น

-การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
-การต่อสู้กับพญามาร
-ความหมายของอะระหัง
-พุทธประวัติในมัชฌิมกาล
-การทำสมาธิและการบรรลุธรรม

ข้อความต้นฉบับในหน้า

พระกระยาหารและทรงเลิกบำเพ็ญทุกรกิริยา ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ผู้เฝ้าคอยอุปัฏฐากมาตลอด 6 ปีที่ทรง ทรมานพระวรกาย หวังเพียงเพื่อจะได้บรรลุธรรมตามอย่างสมณะนี้ แต่บัดนี้ สมณะนี้กลับเลิกล้มความเพียร กลับไปมักมากในกามคุณ จึงเสื่อมศรัทธาหนีกลับไปยังป่าอิสิปปตนมฤคทายวัน ในรุ่งเช้าของวันที่จะตรัสรู้ นางสุชาดาธิดาของคหบดีในอุรุเวลาเสนานิคม ได้นำข้าวปายาสใส่ลงใน ถาดทองมาถวายพระโพธิสัตว์ หลังจากที่พระองค์ทรงเสวยข้าวปายาสอันประณีตของนางสุชาดาแล้ว ทรง นำถาดทองมาลอยในแม่น้ำและทรงอธิษฐานจิตว่า “ถ้าเราจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในวันนี้ขอถาดทองใบ นี้จงลอยทวนกระแสน้ำไป” ถาดนั้นก็ลอยทวนกระแสน้ำไป เมื่อพระองค์เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ก็ทรงมีความ มั่นใจว่า จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าได้อย่างแน่นอน จึงได้เสด็จไปประทับยังป่าสาลวัน จนกระทั่งเวลาเย็น จึงได้เสด็จกลับมาที่ต้นโพธิ์ ระหว่างทางได้พบกับโสตถิยพราหมณ์ และได้รับหญ้าคาจำนวน 8 กำ จาก โสตถิยพราหมณ์นำมาปูลาดเป็นที่ประทับนั่งใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ และทรงประทับนั่งอธิษฐานจิตว่า เนื้อและ เลือดในสรีระจะแห้งเหือดไปหมดสิ้น จะเหลือแต่หนัง เอ็น และกระดูก ก็ตามทีถ้าเรายังไม่บรรลุพระสัมมา สัมโพธิญาณ จักไม่ทำลายบัลลังก์นี้ เทวดาในหมื่นจักรวาลต่างแซ่ซ้องสาธุการกล่าวสรรเสริญพระโพธิสัตว์ ในขณะนั้น พญามารพร้อมกองทัพมารได้มาปรากฏตัวขึ้น เพื่อคิดที่จะทำลายพระโพธิสัตว์ เหล่า เทวดาจึงหนีหายไปอยู่ขอบจักรวาล ทำให้พระโพธิสัตว์ต้องอยู่เพียงลำพังพระองค์เดียว แต่พระองค์ก็มิได้ หวั่นไหวต่อกองทัพมารที่มาแต่อย่างใด ก็ยังคงนั่งคู่บังลังก์อยู่ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ นึกถึงบารมีทั้ง 30 ทัศที่ พระองค์ได้สั่งสมมาตลอด 20 อสงไขยกับแสนมหากัปอย่างไม่หวาดกลัวต่อพญามารและกองทัพมาร จนในที่สุดพญามารและกองทัพมารก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรพระองค์ได้ ก็ต้องถอยทัพกลับไปยังที่อยู่ของตน จากนั้นก็ทรงทำความเพียรต่อไปโดยไม่ย่อท้อ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงปฏิบัติ ธรรมต่อ จนกระทั่งได้บรรลุฌานที่ 1 ฌาน ที่ 2 ฌานที่ 3 ฌานที่ 4 จนถึงอรูปฌาน จนครบบริบูรณ์ และทรงปฏิบัติธรรมต่อ ไปจนถึงปฐมยาม พระองค์ทรงบรรลุ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ (สามารถระลึก ชาติตนเองได้) ในมัชฌิมยามทรงบรรลุ จุตูปปาตญาณ(สามารถรู้การเวียนว่าย ตายเกิดของสรรพสัตว์ทั้งหลายได้หมดสิ้น) ในปัจฉิมยาม ทรงบรรลุอาสวักขยญาณ (ทรงทำอาสวกิเลสทั้งหลายให้หมดสิ้นไป จากจิตด้วยพระปัญญาอันบริสุทธิ์) ทรง พิจารณาธรรมที่พระองค์ตรัสรู้ทบไปทวนมาในที่สุดก็บรรลุ อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้าใน เวลาเช้าตรู่นั้นเอง ฉะนั้น ด้วยเหตุที่พระพุทธเจ้ามีความบริสุทธิ์จากกิเลสและอาสวะ จึงได้เนมิตกนามว่า อะระหัง และการที่พระองค์ตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง จึงได้เนมิตกนามว่า สัมมาสัมพุทโธ อวิทูเรนิทานกถา, ขุททกนิกาย อปทาน, มก. เล่ม 70 หน้า 143 บทที่ 6 พุทธประวัติพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันช่วงมัชฌิมกาล DOU 139
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More