พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในปัจฉิมกาล GL 204 ศาสตร์แห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หน้า 182
หน้าที่ 182 / 209

สรุปเนื้อหา

บทนี้นำเสนอการทรงดำเนินและการรับประทานอาหารของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขณะเสด็จเข้าสู่ละแวกบ้าน ซึ่งพระองค์ทรงมีพระอาการสงบเรียบร้อย ไม่กระทบกระเทือนพระกายหรือพระจิตใจ โดยมีการดำเนินกิจกรรมอย่างมีสติและไม่หวั่นไหว เป็นต้นว่า การรับน้ำล้างบาตรและการเสวยข้าวสุก ซึ่งพระองค์ทรงเสวยเพื่อยังพระชนมชีพและป้องกันความลำบากเท่านั้น การมีอาการสงบและความเมื่อยล้าในพระร่างจะทำให้พระองค์สามารถดำรงอยู่ในโลกได้อย่างสะดวกและมีความสุข

หัวข้อประเด็น

-วิธีเสด็จดำเนิน
-การรับประทานอาหารของพระพุทธเจ้า
-ความสงบและสติที่มีต่อการเสวย
-บทบาทในปัจฉิมกาล
-การดำรงชีวิตเพื่อป้องกันเวทนา

ข้อความต้นฉบับในหน้า

1. เมื่อเสด็จดำเนิน ทรงก้าวพระบาทเบื้องขวาก่อน ไม่ทรงยกพระบาทไกลนัก ไม่ทรงวาง พระบาทใกล้นัก ไม่เสด็จดำเนินเร็วนัก ไม่เสด็จดำเนินช้านัก 2. เมื่อเสด็จดำเนินพระชานุไม่กระทบพระชานุ ข้อพระบาทไม่กระทบข้อพระบาท ไม่ทรงยกพระ อุระสูง ไม่ทรงทอดพระอุระไปข้างหลัง ไม่ทรงกระแทกพระอุระ ไม่ทรงส่ายพระอุระ 3. เมื่อเสด็จดำเนินพระกายส่วนบนไม่หวั่นไหว ไม่เสด็จดำเนินด้วยกำลังพระกาย 4. เมื่อทอดพระเนตร ก็ทอดพระเนตรด้วยกายทั้งหมด ไม่ทอดพระเนตรขึ้นเบื้องบน ไม่ทอด พระเนตรลงเบื้องต่ำ เสด็จดำเนินไม่ทรงเหลียวแล ทอดพระเนตรประมาณชั่วแอก ยิ่งกว่านั้น พระองค์ทรงมีพระญาณทัสนะอันไม่มีอะไรกั้น 5. เมื่อเสด็จเข้าสู่ละแวกบ้าน ไม่ทรงยึดพระกาย ไม่ทรงย่อพระกาย ไม่ทรงห่อพระกาย ไม่ทรง สายพระกาย 6. เมื่อเสด็จเข้าประทับนั่งอาสนะ ไม่ไกลนัก ไม่ใกล้นัก ไม่ประทับนั่งท้าวพระหัตถ์ ไม่ทรงพิง พระ กายที่อาสนะ 7. เมื่อประทับนั่งในละแวกบ้าน ไม่ทรงคะนองพระหัตถ์ ไม่ทรงคะนองพระบาท ไม่ประทับนั่งชัน พระชานุ ไม่ประทับนั่งซ้อนพระบาท ไม่ประทับนั่งยันพระหนุ 8. เมื่อประทับนั่งในละแวกบ้าน ไม่ทรงครั่นคร้าม ไม่ทรงหวั่นไหว ไม่ทรงขลาด ไม่ทรงสะดุ้ง ทรง ปราศจากโลมชาติชูชัน 9. ทรงเวียนมาในวิเวก เมื่อประทับนั่งในละแวกบ้าน 10. เมื่อทรงรับน้ำล้างบาตร ไม่ทรงชูบาตรขึ้นรับ ไม่ทรงลดบาตรลงรับ ไม่ทรงจ้องบาตรคอยรับ ไม่ ทรงแกว่งบาตรรับ ทรงรับน้ำล้างบาตรไม่น้อยนัก ไม่มากนัก 11.ไม่ทรงล้างบาตรดังขลุกๆ ไม่ทรงหมุนบาตรล้าง ไม่ทรงวางบาตรที่พื้น ทรงล้างบนพระหัตถ์ 12. เมื่อทรงล้างพระหัตถ์แล้ว ก็เป็นอันทรงล้างบาตรแล้ว เมื่อทรงล้างบาตรแล้วก็เป็นอันทรงล้าง พระหัตถ์แล้ว 13. ทรงเทน้ำล้างบาตรไม่ไกลนัก ไม่ใกล้นัก และทรงเทไม่ให้น้ำกระเซ็น 14. เมื่อทรงรับข้าวสุก ไม่ทรงลดบาตรลงรับ ไม่ทรงจ้องบาตรคอยรับ ไม่ทรงแกว่งบาตรรับ 15. ทรงรับข้าวสุกไม่น้อยนัก ไม่มากนัก ทรงรับกับข้าว พอประมาณกับข้าวที่จะเสวย 16. ไม่ทรงน้อมคำข้าวให้เกินกว่ากับข้าว ทรงเคี้ยวคำข้าวในพระโอษฐ์สองสามครั้งแล้วทรงกลืน เยื่อ ข้าวสุกยังไม่ระคนกันดีเล็กน้อย ย่อมเข้าสู่พระกาย ไม่มีเยื่อข้าวสุกสักนิดหน่อยเหลืออยู่ใน พระโอษฐ์ ทรงน้อมคำข้าวเข้าไปแต่กึ่งหนึ่ง 17.ทรงทราบในรสได้อย่างดีในเวลาเสวยอาหาร แต่ไม่ทรงทราบด้วยอำนาจความกำหนัดในรส เสวยอาหารอันประกอบด้วยองค์ 8 ประการ คือ ไม่เสวยเพื่อเล่น ไม่เสวยเพื่อมัวเมา ไม่เสวย เพื่อประดับ ไม่เสวยเพื่อตกแต่ง เสวยเพียงดำรงพระกายนี้ไว้ เสวยเพื่อยังพระชนมชีพให้ เป็นไป เสวยเพื่อป้องกันความลำบาก เสวยเพื่อทรงอนุเคราะห์ ด้วยทรงพระดำริว่า เพียงเท่านี้ ก็จักกำจัดเวทนาเก่าได้ จักไม่ให้เวทนาใหม่เกิดขึ้น ร่างกายของเราจักเป็นไปสะดวกจักไม่มีโทษ และจักมีความอยู่สำราญ บทที่ 7 พุทธประวัติ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันช่วงปัจฉิมกาล DOU 171
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More