ข้อความต้นฉบับในหน้า
สามารถประดิษฐานในเมืองราชคฤห์ได้สะดวกรวดเร็วและง่ายขึ้น เพราะเมื่ออุรุเวลกัสสปะให้ความเคารพเลื่อม
ใสนับถือพระองค์แล้ว เหล่าศิษยานุศิษย์ของอุรุเวลกัสสปะซึ่งรวมถึงพระเจ้าพิมพิสารผู้เป็นกษัตริย์ แห่ง
เมืองราชคฤห์ ก็ย่อมที่จะมานับถือพระองค์ตามอุรุเวลกัสสปะอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พระพุทธ
ศาสนาสามารถที่จะเผยแผ่ยังเมืองราชคฤห์ได้ และยังทำให้การประกาศพระพุทธศาสนาของพระพุทธองค์
ทำได้ง่ายขึ้นและยังรวดเร็วไปทั่วแผ่นดินได้ง่าย
เนื่องจากราชคฤห์เป็นศูนย์กลางการค้าขายและมีผู้คนเข้า
ออกเมืองมาก ก็ทำให้คนที่เข้ามาเมืองนี้ได้รู้ข่าวการบังเกิดของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็จะพากันไปบอกกล่าว
กันต่อ เมื่อผู้ที่ทราบข่าวก็จะมาหาพระพุทธองค์และมาศึกษาพระพุทธศาสนาต่อไป
6.3.4 พบอัครสาวก
หลังจากที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ส่งพระสาวกออกไปประกาศพระพุทธศาสนายังสถานที่ต่างๆ ทั่ว
ประเทศ ก็ทำให้ในสถานที่ที่พระสาวกได้เดินทางไปถึงก็ทำให้มีผู้คนมานับถือพระพุทธศาสนากันมากเพิ่มขึ้น
และยังมีคนอีกจำนวนมากที่อยากที่จะเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนากัน เหมือนอย่างที่พระอัสสชิได้ทำให้
พระสารีบุตร และพระมหาโมคคัลลานะผู้เป็นอัครสาวกได้เข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา ซึ่งในขณะนั้นท่าน
ทั้งสองเป็นปริพาชก มีชื่อเดิมว่า อุปติสสะและโกลิตะ ท่านทั้งสองเป็นสหายกัน ต่างมีบริวาร 250 คนอาศัย
อยู่ที่กรุงราชคฤห์ และออกบวชเป็นศิษย์ของท่านสัญชัยปริพาชกเรียนจนจบความรู้ของอาจารย์ก็ยังไม่พบ
สิ่งที่ตนเองต้องการ
วันหนึ่งท่านทั้งสองต่างก็สัญญาว่าจะไปค้นหาอาจารย์เพื่อที่จะหาวิชาความจริงของชีวิต และถ้า
ใครพบเจอก่อนก็ให้มาบอกกับอีกคนให้ทราบด้วย ในที่สุดอุปติสสะก็ได้มาพบพระอัสสชิ จึงเกิดความเลื่อมใส
ศรัทธา ได้เข้าไปกราบเรียนถามพระอัสสชิว่า “ใครเป็นศาสดาของท่าน ศาสดาของท่านสอนเช่นไร”
พระอัสสชิทราบว่าอุปติสสะเป็นนักบวชที่มีปัญญามากจึงกล่าวไปว่า “ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระศาสดา
ของเราทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับของธรรมเหล่านั้น พระองค์ทรงมีปกติสั่งสอนอย่างนี้”
ด้วยปัญญาของอุปติสสะที่เคยฝึกฝนมาในอดีตชาติ จึงทำให้ได้ดวงตาเห็นธรรม จากนั้นจึงรีบกลับไปหา
โกลิตะและบอกเรื่องราวที่ตนเองได้ไปเจอมา หลังจากโกลิตะฟังจบก็เกิดดวงตาเห็นธรรม
ท่านทั้งสองได้พากันไปบอกข่าวนี้แก่พระอาจารย์สัญชัยปริพาชก แต่พระอาจารย์กลับไม่เชื่อ ทั้ง
สองจึงได้เดินทางไปเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมกับบริวารจำนวนหนึ่ง และได้รับประทานการบวชแบบ
เอหิภิกขุอุปสัมปทา ภายหลังท่านทั้งสองก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ และทรงประทานนามของท่านทั้งสอง
ตามนาม ของพระมารดาว่า สารีบุตรแก่อุปติสสะ เพราะเป็นบุตรของนางสารี และประทานนามว่า โมคคัล
ลานะ แกโกลิตะ เพราะเป็นบุตรของนางโมคัลลี นอกจากนี้ยังได้ทรงแต่งตั้งให้เป็นอัครสาวก
6.3.5 แสดงโอวาทปาฏิโมกข์
เมื่อเหล่าพระสาวกได้ออกจาริกไปเผยแผ่พระศาสนากันทั่วประเทศ ก็ไม่ได้มารวมกันหรือประชุมกัน
เลย ต่างก็แยกย้ายกันออกไปทำหน้าที่ในการเผยแผ่ตามเส้นทางที่ตนได้เดินทางไป ซึ่งทุกรูปที่จาริกไปก็เป็น
พระอรหันต์ทั้งหมด จึงไม่ได้มีการเรียกประชุมกัน ด้วยเหตุนี้ จึงมีเรื่องอันเป็นเหตุน่าอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นใน
พระพุทธศาสนา คือ ในวันเพ็ญเดือนมาฆะ (วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3) ได้มีพระภิกษุสาวกจำนวน 1,250 รูป
- พระอัสสชิเถระ, พระวินัยปิฎก มหาขันธกะ, มก. เล่ม 6 หน้า 123.
146 DOU ศาสตร์แห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า