ข้อความต้นฉบับในหน้า
โทษในการใช้สอยบรรณศาลา จึงละทิ้งอาศรมนั้นแล้วเข้าไปในป่า อยู่อาศัยที่โคนต้นไม้ ในวันรุ่งขึ้น ท่าน
สุเมธดาบสได้เข้าไปบิณฑบาตในหมู่บ้าน เหล่าชาวบ้านได้ถวายภัตตาหารเป็นจำนวนมากแก่ท่าน เมื่อท่าน
สุเมธดาบสได้ทำภัตกิจเสร็จแล้ว จึงเดินทางกลับมาสู่โคนต้นไม้นั้น ท่านได้นั่งลงบำเพ็ญเพียรอย่างอุกฤษฎ์
เพียงแค่ 7 วัน ก็สามารถทำสมาบัติ 8 และอภิญญา 5 ให้บังเกิดขึ้นได้ ท่านสุเมธดาบสมีความสุขกับการได้
เข้าฌานสมาบัติอย่างตลอดต่อเนื่อง โดยไม่ส่งใจไปที่อื่นเลย จนกระทั่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า
ทีปังกรได้เสด็จอุบัติขึ้นในโลก หมื่นโลกธาตุสะเทือนเลื่อนลั่นหวั่นไหว ได้บังเกิดบุพนิมิต 32 ประการ
แต่ท่านสุเมธดาบสมีความสุขอยู่ในสมาบัติ จึงไม่ได้เห็น และไม่ได้ยินในบุพนิมิตเหล่านั้น
วันหนึ่ง พระทีปังกรพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระขีณาสพสี่แสนองค์เสด็จไปสัมมนคร เพื่อไปประทับอยู่
ในสุทัสสนมหาวิหาร เมื่อพวกชาวเมืองทราบข่าวจึงได้ร่วมมือกันเตรียมทางเสด็จ โดยได้แผ้วถางหนทาง และ
ปรับพื้นที่ให้เป็นทางเดิน โปรยข้าวตอกและดอกไม้ ตลอดหนทางที่พระทีปังกรพุทธเจ้าเสด็จมาพร้อม
พระขีณาสพสี่แสนองค์ ประดับด้วยธงชัยและธงแผ่นผ้าตลอดทางที่เสด็จมา ตั้งต้นกล้วยและแถวหม้อน้ำ
ประดับประดาอย่างงดงามตลอดทางเสด็จ
ในเวลานั้นท่านสุเมธดาบสออกจากฌานสมาบัติ ท่านได้เปลี่ยนอิริยาบถ โดยการเหาะขึ้นไปบนอากาศ
ท่านได้เหาะผ่านไปยังรัมมนครเห็นเหล่ามหาชนชาวเมืองรัมมนคร กำลังตกแต่งประดับประดาพระนคร
ด้วยความร่าเริงยินดี ท่านจึงคิดว่า “มีเหตุอะไรเกิดขึ้นหนอ” แล้วจึงเหาะลงจากอากาศไปถาม เมื่อทราบว่า
ชนชาวเมืองรัมมนครกำลังทำทางรับเสด็จพระทีปังกรพุทธเจ้า และได้ยินคำว่า พุทโธ ก็เกิดความปีติใจเป็น
อย่างยิ่ง จึงคิดที่จะร่วมทำบุญกับชนชาวเมือง จึงได้ขอโอกาสจากชาวเมืองเพื่อจะร่วมทำทางเสด็จด้วย เมื่อ
ได้รับอนุญาตแล้ว ก็ได้ร่วมทำทางเสด็จพร้อมกับชนเหล่านั้น
ขณะที่ทางเสด็จยังไม่ทันเสร็จนั่นเอง พระทีปังกรพุทธเจ้าก็เสด็จมาถึง สุเมธดาบสเห็นดังนั้นจึงได้
ยอมสละชีวิต ใช้ร่างกายของตนทอดเป็นสะพานเหนือเชือกตมให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมกับ
พระขีณาสพสี่แสนองค์เสด็จผ่านไป โดยให้เสด็จเหยียบไปบนร่างกายของตน ขณะที่นอนทอดร่างของตนอยู่
บนพื้นดินนั่นเอง สุเมธดาบสได้มีความคิดว่า “ถ้าเราปรารถนาความเป็นพระสาวกของพระทีปังกรพุทธเจ้า
ก็จักสามารถเผากิเลสทั้งหลายของเราได้ในวันนี้ แต่จะมีประโยชน์อะไรแก่เราผู้เดียว ที่ได้รู้แจ้งธรรมของ
พระทีปังกรพุทธเจ้าแล้วข้ามฝั่งไป โดยที่คนอื่นไม่รู้ ด้วยบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ที่เราได้บริจาคชีวิตนี้ ขอเราจง
บรรลุพระสัพพัญญุตญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต เราจะขนสรรพสัตว์ทั้งหลายข้ามฝั่งไปด้วย เรา
จักตัดกระแสวัฏสงสาร จักทำลายอาสวกิเลส แล้วยกตนสู่นาวาธรรม นำพามนุษย์และเหล่าเทวดาข้ามไปด้วย”
พระทีปังกรพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระขีณาสพสาวกสี่แสน เสด็จมาถึงหน้าของท่านสุเมธดาบส
ทรงทอดพระเนตรท่านสุเมธดาบสซึ่งนอนทอดกายเป็นสะพาน เพื่อทำการสักการบูชาด้วยร่างกายกับทั้งชีวิต
จึงทราบด้วยพุทธญาณว่า “ดาบสนี้ทรงอภิญญา 5 สมาบัติ 8 ได้สักการะบูชาเรา พร้อมกับตั้ง
ความปรารถนาเพื่อเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และจักได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า โคดม
พระพุทธองค์จึงทรงดำเนินไปจนถึงสุเมธดาบสซึ่งนอนประณมมืออธิษฐานจิตอยู่ แล้วทรงย่างพระบาท
ข้างขวาเหยียบบนร่างกายของสุเมธดาบสเสด็จผ่านไป ทำความปรารถนาที่สุเมธดาบสตั้งไว้ในใจให้บริบูรณ์
เมื่อได้เสด็จผ่านไปแล้ว ก็ทรงหยุดพระดำเนิน หันพระวรกายกลับมาทอดพระเนตรดูสุเมธดาบส แล้ว
จึงทรงพยากรณ์ท่ามกลางพุทธบริษัททั้ง 4 ว่า “ดาบสท่านนี้ ตั้งความปรารถนาเพื่อเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
102 DOU ศาสตร์แห่งการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า