ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อธิบายอารมณ์สัมพันธ์ เล่ม ๓ หน้า ที่ 33
มีบทกามมุประองค์ด้วยอัฏฐภูมิฏิฏฐิ [ เรียกว่าฉุกจํามะม ] ฉันใด ก็มิ บทกรรมมุประองค์ด้วยอัฏฐภูมิฏิฏฐิ ฉันใด แต่ไม่เปลี่ยนชื่อ คงเรียกว่า การิกามม ตามเดิม เช่น สมุปฏติใน อ. นี้ ที่นี้ กิเลสพัทธ์ที่ประกอบด้วย คูดู ตวา ปัจจัยเช่นกัน คือกล่าวมิมใน บทปัจจงล์ ๒ นี้ คงประกอบด้วย ทุขวิทิตตามธรรมดา อ. อนุเอต อหิ มหาลกฺก ฏ ปุปพีโต คณุตธู ปรุตฺตํ สกฺยสํ. [ อุกฺบุดํดร. ๑/๗๙ ] เมื่อแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ขวัญใน เวลาแก่ จำไม่อาจค้นควรให้เต็ม.' (แต่ในบางแห่ง ก็มีประกอบ เป็นอัฏฐภูมิวิภัต คือ สรุตฺโน อนุโมทน การดูถูม...
ครหาทิณนา. ๑/๕๙ ] ประกอบอย่างนี้นี้น้อยเต็มที). [ ๕๒ ] ในบทที่ต้องเรียกหาการิยม แต่ท่านมีเสียง การคัมม ไว้ด้วย ในเวลาสัมพันธ์ ต้องเติมเข้าไป อู. เอโร [ ต วงค์ ] อิวาเสส. [ เทวทุต. ๑/๖๔ ] พระเทร [ ยังนั้น ] ให้อุทานแล้ว. [ บ ] ในข้อความที่กล่าวมาแล้ว มีว่า การิ ใบ้การิยม บ้าง คำทั้ง ๔ นี้ มีน้อยกันดังนี้: การิ เดงสินตัวผูไปให้ก orผู้ทำให้ฐานรับใช้ ไม่พูดจาว่าเป็นองค์ประกอบวิภัตไหน, กิริ ฯ นั่นแล ที่ประกอบด้วย ทุขวิทิต ใช้อรรถเป็นที่ใช้ให้ทำ [ยัง] จึงเรียกว่า การิกมม. [ ถ้าประองค์ด้วย ปรมาวิภัต ใช้อรรถ เป็นประธานแทนก็มา. ในพากษ์อุตมาวคาถานี้ใช้ถ้อยบรรฤา ที่ใช้อยู่มาตุ เรียก ว่าวรรคตมม คูในข้อว่าด้วยวรรคตมม.]