ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - อธิบายความสัมพันธ์ เล่ม ๑ หน้าที่ 17
ไป ย่อมไม่ได้ความ อ. นฤติ เถ โกวิ อาปุจฉิพุทธรูปโก
ณาติ [ อุกฺฺปลาตง. ๑/๖ ] แปลตามลำดับบอกว่า "ไม่มี ท่านไร้"
ผู้วาร้อมา กฤติ แปลอย่างนี้ไม่ได้ความ เมื่อเป็นเช่นนี้ จำต้อง
อาศัยสัมพันธ์ คือให้รู้ว่ามีบทไหนบบทไหน โดยเนื่องกันอย่างไร
เช่นในบทนี้ จำต้องรู้สัมพันธ์ว่า อาณติ เป็น คัตตา ใน นฤติ ๆ
เป็นกิริยาของ อาณติ.เถ เนื่องด้วยเป็นเจ้าของใน อาณติ โกวิ และ
อาปุจฉิพุทธรูปโก เป็นวิสาสะของ อาณติ เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว จึงจะ
เข้าใจความและแปลได้ว่า ถูกไร ๆ ผู้อารามของท่านไม่หรือ
ดังนี้ การรู้สัมพันธ์มีประโยชน์ในการแปลหนังสืออย่างนี้
แต่งบประโยค เรียงคำดเหมือนตามลำดับคำที่ ๑-๒ ดัง
ภายใต้ไทย อ. นฤติอากาศ ม อฤติ กุมณฑ [ อุกฺฺปลาตง. ๑/๖ ] แปลว่า 'บ่นซายของข้าพระองค์มีอยู่พระเจ้าข้านี้' นี้หาได้
เรียงตามวิธีภาษาไทยไม่ แต่เรียงตามวิธีภาษาบาลีดังกล่าวมาแล้ว
นั้นเอง แต่งอธิบายไปคล้ายกับวิธีเรียงในภาษาไทยเข้าเท่านั้น
สัมพันธ์
[ ๓ ] ความเนื่องกันแห่งบทหนึ่งกับอีกบทหนึ่ง หรือความเข้า
กันแห่งบทหนึ่งกับอีกบทหนึ่ง เรียกว่าสัมพันธ์ การเรียนกำหนดพากย์
ที่เรียงไว้แล้ว เช่น ใน บทมปฏุรักษา เป็นต้น ให้รู้ว่ามไหน
เนื่องหรือขับบากไหม เรียกว่าเรียนสัมพันธ์
การเรียนสัมพันธ์นั้น เมื่อกล่าวถึงหัวข้อใหญ่ ๆ ที่พึงเรียน
ก็มีดังนี้ คือ อรรถ, ชื่อสัมพันธ์, การเข้าสัมพันธ์, วิธีสัมพันธ์