ข้อความต้นฉบับในหน้า
บทที่ 4
ปัญหาค้างพระทัยของพระเจ้าอชาตศัตรู
4.1 ผู้เสด็จมาทั้งความรัก
ขณะที่พระเจ้าอชาตศัตรูเสด็จเข้าไปถึงที่ประทับของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงหยุด
ประทับยืน ณ ตำแหน่งอันสมควร ทรงชำเลืองเห็นภิกษุซึ่งนั่งรายล้อมพระพุทธองค์อยู่นั้น มีอาการสงบนิ่ง
สนิทราวกับห้วงน้ำใสยามปราศจากคลื่นลม ทันใดนั้นพระทัยของพระองค์ก็พลันหวนรำลึกถึงพระราชกุมาร
ผู้เป็นยอดเสน่หา ซึ่งกำลังอยู่ในวัยซุกซน ถึงกับทรงเปล่งพระอุทานว่า “ขอให้อุทัยภัทรกุมารของเรา
จงมีความสงบอย่างภิกษุสงฆ์เหล่านี้ด้วยเถิด”
ตามธรรมดาเมื่อบุคคลใดได้พบเห็นสิ่งที่ดีงามหรือสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ทำให้รู้สึกอัศจรรย์ใจแล้วย่อมหวน
รำลึกถึงผู้ที่ตนรัก อยากให้มีสิ่งนั้น หรืออยากให้เป็นเช่นนั้นบ้าง พระเจ้าอชาตศัตรูก็เช่นเดียวกัน ย่อมหนี
ไม่พ้นธรรมดาโลกเช่นนี้ จึงทรงปรารถนาจะได้เห็นพระราชกุมารผู้เป็นที่รักยิ่งของพระองค์มีความสงบเช่น
เดียวกับพระภิกษุเหล่านั้น
อีกนัยหนึ่ง อาจจะเป็นเพราะทรงมีความแหนงพระทัยในพระโอรส ทรงเกรงว่า ต่อไปในภายหน้า
เมื่อพระโอรสของพระองค์ได้ทรงทราบว่า พระองค์ปลงพระชนม์พระราชบิดาเพื่อชิงราชบัลลังก์ ทั้งๆ ที่ทรงรู้
อยู่เต็มพระทัยว่า พระบิดาทั้งแสนรักแสนห่วงใยพระองค์ยิ่งนัก พระโอรสก็อาจจะกระทำเช่นพระองค์บ้าง
ดังนั้น อุทัยภัทรกุมารจึงเป็นทั้งสมบัติอันล้ำค่า และเป็นทั้งหนามแหลมที่คอยเสียดแทงพระทัยของ
พระเจ้าอชาตศัตรูไปพร้อมๆ กัน
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงหยั่งรู้วาระจิตของพระเจ้าอชาตศัตรูในขณะนั้นดีว่า กำลังสับสนว้าวุ่น
ยิ่งนัก จึงตรัสทักทายขึ้นก่อนว่า
“ดูก่อนมหาบพิตร พระองค์เสด็จมาทั้งความรัก”
พระปฏิสันถารเพียงสั้นๆ เท่านั้น ดับความอึดอัดกระวนกระวายทั้งปวงของพระเจ้าอชาตศัตรู
ให้มลายไปสิ้น พระองค์จึงกราบทูลรับว่า
“พระเจ้าข้า อุทัยภัทรกุมารเป็นที่รักของหม่อมฉัน ขอให้อุทัยภัทรกุมารของหม่อมฉัน จงมี
ความสงบอย่างภิกษุสงฆ์เดี๋ยวนี้เถิด พระเจ้าข้า”
ตรัสดังนี้แล้ว พระเจ้าอชาตศัตรูเวเทห์บุตร ทรงน้อมอภิวาทแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรง
ประคองอัญชลีแด่พระภิกษุสงฆ์ แล้วจึงประทับนั่ง ณ ที่อันควร ครั้นแล้วจึงทรงขอประทานพระราชวโรกาส
36 DOU ชี วิ ต ส ม ณ ะ