ข้อความต้นฉบับในหน้า
บทที่ 7
สามัญญผลเบื้องกลาง
7.1 สามัญญผลเบี้องกลาง
สามัญญผลเบื้องกลาง คือ อานิสงส์หรือผลดีที่ภิกษุได้รับจากการเจริญภาวนา เมื่อภิกษุเป็นผู้ถึง
พร้อมด้วยศีล คุ้มครอง ทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะ เป็นผู้สันโดษ ย่อมเป็นผู้สงบทั้ง
กาย วาจา และใจ อย่างแท้จริง ครั้นเมื่อเจริญภาวนาย่อมบรรลุฌานไปตามลำดับๆ ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ตรัสกับพระเจ้าอชาตศัตรูว่า
“ภิกษุนั้นประกอบด้วยศีลขันธ์ อินทรียสังวร สติ สัมปชัญญะ และสันโดษ
อันเป็นอริยะเช่นนี้แล้ว ย่อมเสพเสนาสนะอันสงัด คือ ป่า โคนไม้ ภูเขา
ซอกเขา ถ้ำ ป่าช้า ป่าชัฏ ที่แจ้ง ลอมฟาง ในกาลภายหลังภัต เธอกลับมาจาก
บิณฑบาตแล้ว นั่งสมาธิ ตั้งกายตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า เธอละความเพ่งเล็ง
ในโลก มีใจปราศจากความเพ่งเล็งอยู่ ย่อมชำระจิตใจให้บริสุทธิ์จากความ
เพ่งเล็งได้ ละความประทุษร้าย คือ พยาบาท ไม่คิดพยาบาท มีความกรุณา
หวังประโยชน์แก่สัตว์ทั้งปวงอยู่ ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากความประทุษร้าย
คือพยาบาทได้ ละถีนมิทธะแล้ว เป็นผู้ปราศจากถีนมิทธะ มีความกำหนดหมาย
อยู่ที่แสงสว่าง มีสติสัมปชัญญะอยู่ ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากถีนมิทธะได้
ละอุทธัจจะกุกกุจจะแล้ว เป็นผู้ไม่ฟุ้งซ่าน มีจิตสงบอยู่ ณ ภายใน ย่อมชำระจิต
ให้บริสุทธิ์จากอุทธัจจะกุกกุจจะได้ ละวิจิกิจฉาแล้ว เป็นผู้ข้ามพ้นวิจิกิจฉา
ไม่มีความคลางแคลงในกุศลธรรมทั้งหลายอยู่ ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จาก
วิจิกิจฉาได้...
มหาบพิตร ภิกษุพิจารณาเห็นนิวรณ์ 5 ประการเหล่านี้ ที่ยังละไม่ได้ในตน
เหมือนหนี้ เหมือนโรค เหมือนเรือนจำ เหมือนความเป็นทาส เหมือนทางไกล
กันดาร และเธอพิจารณาเห็นนิวรณ์ 5 ประการ ที่ละได้แล้วในตน เหมือนความ
ไม่มีหนี้ เหมือนความไม่มีโรค เหมือนการพ้นจากเรือนจำ เหมือนความเป็นไท
แก่ตน เหมือนภูมิสถานอันเกษมฉันนั้นแล.....
104 DOU
ชี วิ ต ส ม ณ ะ