ข้อความต้นฉบับในหน้า
ให้เป็นผู้มีความเคารพรักในศีล ดังที่ทรงให้โอวาทไว้ว่า
นางนกต้อยติวิด รักษาฟองนิดฉันใด แลทราย ย่อมรักษาขนหาง
มารดา ย่อมรักษาบุตรยอดรัก คนเอกจักษุ ย่อมรักษานัยน์ตาข้างเดียวไว้
ฉันใด เธอทั้งหลายจงรักษาศีลให้เหมือนอย่างนั้น จงเป็นผู้มีศีลเป็นที่รัก
มีความเคารพจงดีทุกเมื่อเถิด”
ดังนั้น พระภิกษุที่มีปณิธานย่อมจะยังพระปาฏิโมกข์ให้บริสุทธิ์หมดจด แม้จะต้องสละชีวิตก็จะ
ไม่ยอมล่วงละเมิดศีล ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้
6.2.2 มีอาชีพบริสุทธิ์
การมีอาชีพบริสุทธิ์ของพระภิกษุนั้น มีคำศัพท์โดยเฉพาะว่า “อาชีวปาริสุทธิศีล” ศัพท์เฉพาะ
คำนี้ แยกพิจารณาได้ 3 คำ คือ
คำที่ 1 “อาชีว” คือ อาชีพ หมายถึง พฤติการณ์ที่คนเราได้อาศัยเลี้ยงชีวิต
คำที่ 2 “ปาริสุทธิ” คือ บริสุทธิ์ หมายถึง ความสะอาดหมดจดจากกิเลสอันชั่วช้า ปราศจาก
การประพฤติทุศีล
คำที่ 3 “ศีล” คือ ภาวะปรกติ
ดังนั้น “อาชีวปาริสุทธิศีล” จึงหมายถึง “ภาวะปรกติในการเลี้ยงชีวิตอย่างสะอาดหมดจด
ปราศจากการประพฤติทุศีล”
เนื่องจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ทรงอนุญาตให้พระภิกษุประกอบอาชีพใดๆ แบบฆราวาส
พระภิกษุจึงต้องดำรงชีวิตอยู่ด้วยปัจจัย 4 คือ จีวร (ผ้านุ่งห่ม) บิณฑบาต (อาหาร) เสนาสนะ (ที่อยู่อาศัย)
และคิลานเภสัช (ยาบำบัดโรค) ซึ่งได้รับมาจากทายกทายิกา
พระภิกษุที่เลี้ยงชีวิตอย่างสะอาดหมดจด ปราศจากการประพฤติทุศีล ย่อมพอใจปัจจัย 4 ตามมี
ตามได้ จัดว่าเป็นผู้มีอาชีพบริสุทธิ์ ในทำนองกลับกันพระภิกษุที่มุ่งแสวงหาปัจจัย 4 มาปรนเปรอตนเอง
ด้วยกลวิธีทุศีลต่างๆ จัดว่าประพฤติมิจฉาอาชีวะ มีอาชีพไม่บริสุทธิ์
ลักษณะอาชีพไม่บริสุทธิ์
เพื่อให้เข้าใจอาชีวปาริสุทธิศีลชัดเจน จึงควรกล่าวถึงลักษณะอาชีพไม่บริสุทธิ์ของพระภิกษุเสียก่อน
ลักษณะที่ถือว่าเป็นมิจฉาอาชีวะหรืออาชีววิบัติของพระภิกษุนั้น อยู่ที่การแสวงหามาด้วยการล่อหลอก และ
*พระวิสุทธิมัคคี เผดจ เล่ม 1 หน้า 7
บ ท ที่ 6 คุ ณ ธ ร ร ม ที่ ทำ ใ ห้ เ ป็ น ผู้ บ ริ สุท
DOU 77