ข้อความต้นฉบับในหน้า
2) สัตวโลก หมายถึง สัตว์ผู้ไปเกิดมาเกิดโดยอาศัยขันธ์ 5
3) โอกาสโลก หมายถึง โลกภายนอก คือ แผ่นดิน มหาสมุทร จักรวาลทั้งปวง ซึ่งสัตว์ทั้งหลาย
ที่อาศัยขันธ์ 5 ก็อาศัยอยู่ในโอกาสโลกนี้อีกชั้นหนึ่ง
ที่ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นผู้รู้แจ้งโลก จึงหมายถึงการที่พระองค์ทรงรู้ถึงจริต อัธยาศัย
อินทรีย์ กรรม ทิฏฐิ ธรรมอันทำให้เกิดแห่งสัตว์ทั้งหลายอย่างกระจ่างแจ้ง ทรงรู้ถึงลักษณะของขันธ์ 5
อันเป็นไปตามกฎแห่งไตรลักษณ์ และแม้โครงสร้าง องค์ประกอบแห่งจักรวาล โลกภายนอกที่ล้อมรอบ
ตัวเราอยู่ พระองค์ก็ทรงรู้โดยสิ้นเชิง
5.4.6 ทรงเป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่า “อนุตตโร ปุริสทัมมสารถี” แปลว่า สารถีฝึกบุรุษที่ฝึกได้
ไม่มีใครยิ่งกว่า อาจแยกพิจารณาพระนามของพระองค์เป็น 3 ส่วน คือ
1) อนุตตโร
2) ปุริสทัมม
3) สารถ
1) อนุตตโร หมายความว่า ยอดเยี่ยมอย่างไม่มีผู้ใดเสมอเหมือน เหตุที่ทรงมีพระนามนี้ก็เพราะ
ทรงพระคุณอันประเสริฐ บริบูรณ์ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ อย่างหาผู้ใดเสมอเหมือน
มิได้ ไม่ว่าจะเป็นพรหม เทวดา หรือมนุษย์ก็ตาม
2) ปุริสทัมม หมายถึง ผู้ที่ฝึกได้หรือควรฝึก ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ อมนุษย์ หรือติรัจฉานก็ตาม
3) สารถี หมายถึง ผู้บังคับ หรือผู้ฝึก
ปุริสทัมมสารถ จึงหมายความว่า พระองค์ทรงสามารถฝึกผู้ที่ควรฝึกได้ ไม่ว่าจะเป็นติรัจฉาน มนุษย์
หรืออมนุษย์ก็ตาม ดังที่ปรากฏในพระไตรปิฎกว่า แม้สัตว์ดิรัจฉาน เช่น พญานาค หรือช้าง พระองค์ยังทรงฝึก
ให้สัตว์เหล่านั้นละพยศ แล้วตั้งอยู่ในศีล แม้มนุษย์ เช่น อัมพัฏฐมาณพที่ไปรุกรานพระองค์ ในที่สุดก็ต้อง
ไปกราบทูลขอขมาโทษ พร้อมกับโปกขรสาติพราหมณ์ผู้เป็นอาจารย์ หรือแม้อมนุษย์ เช่น อาฬวกยักษ์ พระองค์
ยังทรงแนะนำสั่งสอน จนอาฬวกยักษ์ได้ดวงตาเห็นธรรม เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา
เมื่อนำคำ “อนุตตโร” และ “ปุริสทัมมสารถี” มารวมกัน จึงมีความหมายว่า พระองค์ทรงพระคุณ
อันประเสริฐอย่างหาใครเสมอเหมือนมิได้ จึงทรงสามารถฝึกอบรมผู้ที่ควรฝึก ให้มีคุณธรรมและมีดวงตา
เห็นธรรม แม้บุคคลที่ผู้อื่นฝึกไม่ได้ พระองค์ก็ทรงฝึกได้ เพราะเหตุนี้ จึงทรงพระนามว่า “ทรงเป็นสารถี
ฝึกบุรุษที่ควรฝึก ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า”
58 DOU ชี วิ ต ส ม ณ ะ