การสำรวมมนินทรีย์และความสุขที่แท้จริง SB 304 ชีวิตสมณะ หน้า 102
หน้าที่ 102 / 209

สรุปเนื้อหา

เนื้อหาเกี่ยวกับการสำรวมมนินทรีย์ที่ทำให้ใจปลอดจากทุกข์และกิเลส โดยการมีสติคุ้มครองใจในการรับรู้ต่างๆ ทั้งนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ชี้แนะแนวทางการรักษามนินทรีย์เพื่อหลีกเลี่ยงจากอภิชฌาและโทมนัสที่เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ การไม่สำรวมอินทรีย์จะมีผลต่อความสุขที่หลอกลวง ข้อความนี้ยังอธิบายว่าทุกข์อยู่ที่ใจและการรักษาใจนั้นเป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดกิเลสภายใน ซึ่งถ้าทำได้ จะได้เสวยสุขตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

หัวข้อประเด็น

-การสำรวมมนินทรีย์
-ความสุขของใจ
-กิเลสและทุกข์
-การมีสติในชีวิต
-พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ไม่บริสุทธิ์ แม้จะรู้สึกเป็นสุข ก็เป็นความสุขหลอกๆ เพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่จะมีวิบากกรรมติดตามไปอีก ยาวนาน หรือหากไม่ได้ของนั้นมาก็รู้สึกผิดหวัง เกิดโทมนัส ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า “ที่เมื่อไม่สำรวมแล้ว จะเป็นเหตุให้อกุศลธรรมอันลามก คือ อภิชฌา และ โทมนัสครอบงำา....” คำว่า “รักษามนินทรีย์” หรือ “สำรวมมนินทรีย์” หมายถึงการรักษาใจให้พ้นจากการถูกครอบงำ โดยอภิชฌาและโทมนัส จะเห็นว่า การสำรวมระวังอินทรีย์ทั้งหลายมีจักษุเป็นต้น แท้ที่จริงแล้ว ก็เพื่อรักษามนินทรีย์คือ ใจ ให้ปลอดจากทุกข์ ปลอดจากกิเลสภายใน เพื่อเสวยสุขในเบื้องปลายนั่นเอง เมื่อทำความเข้าใจกับคำศัพท์ต่างๆ แล้ว ย้อนกลับไปดูพระดำรัสของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อีกครั้งหนึ่ง ก็พอจะอธิบายลักษณะของการเป็นผู้คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลายได้ว่า พระภิกษุในพระธรรมวินัยนั้น เมื่อเห็นรูป ซึ่งอาจจะเป็นคน สัตว์ หรือสิ่งของก็ตาม ก็สัก แต่ว่าเห็น ไม่คิดปรุงแต่งต่อไปอีกว่า สิ่งนี้ คนนี้สวยหรือไม่สวย หรือสวยน้อย สวยมาก ทั้งนี้เพราะ ไม่ถือนิมิต และ ไม่ถืออนุพยัญชนะ การที่สามารถไม่ถือนิมิต ไม่ถืออนุพยัญชนะได้ ก็เพราะมีสติ กำกับใจ มีสติคุ้มครองใจไม่ให้คิดเรื่องไร้สาระ นั่นคือมีสติสำรวมจักขุนทรีย์ แต่ถ้าสำรวมไม่ได้ คือหยุด ความคิดไม่ได้ เกิดชอบใจหรือพอใจรูปที่ตนเห็น ก็จะเกิดอภิชฌา คือ ความโลภอยากได้ ซึ่งเป็นกิเลสกาม ที่นอนเนื่องอยู่ในใจ โดยธรรมชาติอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้รูปนั้นมาสนองอภิชฌา ก็จะรู้สึกโทมนัสคือเป็นทุกข์ ถึงแม้จะได้รูปนั้นมาตามต้องการ ก็อาจรู้สึกพึงพอใจชั่วระยะหนึ่ง แต่ก็จะต้องเกิดความโทมนัสในที่สุด อยู่นั่นเอง เพราะรูปนั้นไม่เที่ยง ย่อมเสื่อมสลาย หรือพลัดพรากจากเราไปในที่สุด นี่คือผลของการ ไม่สำรวมจักขุนทรีย์ สำหรับอินทรีย์อื่นที่เหลืออีก 5 อย่างก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่สำรวมแล้วจะมีผลเป็นทุกข์เหมือนกันหมด ถามว่าทุกข์อยู่ตรงไหน ทุกข์ก็อยู่ที่ใจนั่นเอง ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า การสำรวมอินทรีย์ทั้งหลาย แท้ที่จริง ก็คือการสํารวมใจ หรือที่เรียกว่า “สำรวมมนินทรีย์” นั่นเอง พระภิกษุที่สำรวมมนินทรีย์หรืออินทรีย์ทั้งหลายได้ ย่อมเสวยสุข เพราะกิเลสภายในกล้ำกราย จิตใจไม่ได้ ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า “ฝนย่อมไม่รั่วรดเรือนที่มุงดีแล้ว ฉันใด ราคะย่อมไม่รั่วเข้าจิตที่อบรมดีแล้ว ฉันนั้น” ขุ. ธ. 25/11/16 บ ท ท 6 คุณ ธ ร ร ม ที่ ทำ ใ ห้ เ ป็ น ผู้ บ ริ สุท ธิ์ DOU 91
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More